เจ้าแม่กวนอิม


เจ้าแม่กวนอิม

                ตามตำนานของเจ้าแม่กวนอิม คือ องค์หญิงเมี่ยวซ่าน ที่มีปณิธานจะโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ ตามหลักพุทธมหายาน คือเป็นพระโพธิสัตย์ ซึ่งตามกฎกติกาแล้ว คนที่จะมาเป็นพระโพธิสัตย์ได้ต้องเป็นเพศชายเท่านั้น จนมีความเชื่อว่าถ้าใครปั้นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมให้เห็นเท้าแล้ว เท้าต้องใหญ่มากๆ เพื่อแสดงออกมาท่านเป็นชาย ใครปั้นเท้าเล็กเหมือนผู้หญิง มักจะต้องประสบเคราะห์กรรม มีอันเป็นไปต่างๆนานา

                หลวงพ่อท่านไปพบบนสวรรค์ชั้นดุสิต ก็เรียกว่าท่านกวนอิม ว่าท่านเป็นชาย และเล่าว่าท่านกวนอิมลาพุทธภูมิเข้านิพพานไปเรียบร้อยแล้ว สมัยหนุ่มๆตอนที่ฝึกมโนมยิทธิอยู่นั้น ก็เคยได้ไปกราบท่านที่สวรรค์ชั้นดุสิต เวลานั้นก็เห็นท่านเป็นเทพบุตร มีเมตตามาก รัศมีกายก็สว่างไสวเย็นตาเย็นใจมาก
                ในปี248x กว่าๆ เกิดน้ำท่วมใหญ่ น้ำท่วมแม่น้ำแยงซีเกียง เพราะฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน มีคนจีนจำนวนมาก เห็นเจ้าแม่กวนอิมประทับยืนบนมังกร ลอยอยู่เหนือแม่น้ำแยงซีเกียง หลายคนเชื่อว่า เจ้าแม่กวนอิมมาช่วยชาวบ้านให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ

                ประมาณปี 2546 ผมมีเหตุอันต้องเดินทางไปติดต่องานที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปกับผู้เฒ่าท่านหนึ่งซึ่งอาสาขับรถให้ เมื่อเดินทางไปถึงก็เข้าพักที่โรงแรมตามปกติ กลางคืนก่อนนอนก็สวดมนต์เป็นธรรมดา 1800 กว่าโค้งก็ทำให้อ่อนเพลียได้ไม่ใช่น้อย คืนนั้นจึงหลับยังกะสลบ แล้วตามปกติผมก็เป็นคนไม่ฝัน คือปกติคนที่ภาวนาจะไม่ค่อยฝัน แม้ในฝันก็จะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าคืนนั้นฝัน......
                มีหญิงสาววัยยี่สิบกว่า 2 นาง หน้าตาสวยงาม ผมยาวสลวย เดินเข้ามาที่ข้างเตียงทั้งสองข้าง ต้องการจะร่วมรักหลับนอนด้วย ในฝันเหลียวไปดูท่านผู้เฒ่าก็นอนอยู่อีกเตียงนึง หลับสนิท เหลียวกลับมามองสองนางนี้ ก็บอกว่า นี่เธอทั้งสอง อย่ามายุ่งกับฉันนะ ฉันไม่คิดจะมีเพศสัมพันธุ์ร่วมรักหลับนอนกับใครๆ จงไปเสียให้พ้น น่าอายนัก สักพักก็ปรากฏอดีตลูกน้องเก่า เป็นผู้หญิง คนนี้ตอนมีชีวิตอยู่โดนผมดุด่าว่ากล่าวสั่งสอนจนร้องไห้ไปหลายวาระ ต่อมาเปลี่ยนงานใหม่กลายเป็นคนที่มีคุณภาพของหน่วยงานนั้นๆ เธอสำนึกในบุญคุณผมจนกระทั่งวันตายก็ยังร้องตะโกนเรียกชื่อผมจนวาระสุดท้าย คืนนี้เธอมาปรากฏตัว ลากหญิงสาวสองนางนี้ออกไปนอกห้อง บอกว่าอย่ามายุ่งกับพี่กู พวกมึงไปให้พ้นนะ ลากถูลู่ถูกังออกไปนอกห้อง ประตูก็ไม่เปิด ทะลุประตูไปซะงั้นได้ ไอ้เราก็ไม่กล้าทำร้ายผู้หญิงเสียด้วย ได้แต่เดินตามออกไปดูนอกห้องว่าเป็นไงบ้าง

                ออกมายืนดูที่ระเบียงหน้าห้องพัก ก็เห็นลูกน้องสาว ผลักสองสาวนั้นกระเด็นห่างออกไป สักพักนึงก็เห็นหญิงสาว อายุประมาณ 17-18 ปี นั่งมาบนดอกบัวขนาดสักเท่าโต๊ะกินข้าวกลมๆ ลอยมาที่ระดับดอกบัวเท่ากับระดับสายตาพอดี มือขวายกขึ้นมาเสมออก ในฝันเวลานั้นผมก็เรียกผู้หญิงคนนี้ว่า “แม่” ปกติถ้าไม่ใช่แม่แท้ๆ ผมไม่เคยเรียกใครว่าแม่เลย แม้แต่แม่ยายก็ไม่เรียกว่าแม่ พนมมือไหว้เสร็จแล้วก็ถามท่านว่า ที่มานี้มีธุระอะไรครับ ท่านก็ตอบว่า ท่านมาดูแลคุ้มครอง พื้นที่ที่ท่านดูแลรับผิดชอบอยู่ทางตอนใต้ของจีนมาจนถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ท่านว่าที่วัดบนยอดเขาแห่งหนึ่ง ก็มีรูปปั้นท่านอยู่บนนั้น ก็เลยเรียนถามท่านไปว่า แล้วท่านดูแลไปจนถึงเชียงใหม่ด้วยไหม ท่านก็บอกว่า ทางเชียงใหม่แถบนั้น หลวงปู่แหวนท่านดูแลอยู่ อันนี้ท่านผู้อ่านก็อย่าลืมนะครับว่า เป็นความฝัน ไม่ใช่ความจริง เป็นนิทานขี้โม้ที่เขียนเล่าสู่กันฟังพอสนุกสนานเท่านั้นนะครับ

                ในฝันนั้นไม่ได้สงสัยเลยครับว่าท่านเป็นใคร แต่ก็ไม่กล้าขอดูเท้าท่านว่าใหญ่จริงเหมือนรูปปั้นหรือเปล่า เห็นแต่หน้าตาสวยแบบเรียบร้อย ตาเล็กเรียวเหมือนตาหงส์ มีผ้าคลุมผมบางๆลงมาถึงหลัง แต่งกายด้วยผ้าพื้นเรียบๆ ไม่มีลวดลายมากมายอย่างที่เห็นตามรูปปั้น รูปหน้าเรียว ได้สัดส่วน และยังแลดูเด็ก ผมยาวดำ ที่ตีนผมด้านหน้ามีติ่งผมแหลมๆยื่นออกมา สักพักท่านก็บอกว่าให้อ้าปาก แลบลิ้นออกมา แล้วก็หยิบลูกอะไรไม่ทราบ กลมๆ เหมือนลูกแก้วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสัก1ซม. มาวางบนลิ้นแล้วให้อมเอาไว้ พร้อมกับมีคำเตือนว่า “ต่อไปนี้เวลาจะพูดจาอะไรก็ให้ระมัดระวังนะ” ซึ่งปกติผมเป็นคนปากจัด พูดให้คนเจ็บช้ำน้ำใจได้มาก หรือจะพูดโน้มน้าวให้คนเชื่อถือศรัทธาก็ได้ ขึ้นอยู่กับจะใช้ปากไปในทางสร้างสรรค์หรือในทางฉิบหาย เวลานั้นก็เข้าใจคำตักเตือน ก่อนจะลาจากกันไป ผมก็สงสัยว่าเกสรดอกบัวที่ท่านนั่งมานี้ แข็งหรือนิ่มยังไงก็ขอจับดู กดลงไปก็นุ่มเนียนละเอียดเหมือนพรมนุ่มๆฟูๆหนาๆ แล้วก็เอาสองมือจับกลีบบัว กลีบดอกบัวกว้างสัก2ฝ่ามือ สูงเกือบฟุตหนึ่ง ดึงขึ้นเบาๆก็หลุดติดมือขึ้นมาด้วย ก็เนื่องจากท่านยกให้กลีบนึง ในฝันก็รู้สึกว่าของสูงแบบนี้เราจะเก็บไว้ที่ไหนดี ก็เอามาตั้งไว้เหนือหัว คิดไปคิดมามันก็จะตลกนิ ก็เลยเอามาแนบไว้ที่หน้าอก พอแนบลงไป กลีบดอกบัวก็ซึมหายไปในหน้าอก

                กราบลาท่านเสร็จแล้วก็กลับเข้ามาในห้อง เสร็จแล้วก็ตื่นครับ บังคับตัวเองให้ตื่นได้ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ท่านผู้เฒ่าก็ยังนอนกรนอยู่เตียงข้างๆเหมือนเดิม ทุกอย่างแลดูปกติ ก็ไม่มีอะไร แค่ฝันไปเท่านั้นเอง
 หลังจากเสร็จธุระก็อดไม่ได้ที่จะขึ้นไปดูวัดที่อยู่บนเขาว่ามีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมจริงหรือไม่ ผลก็เป็นไปอย่างที่ทราบคือมีอยู่จริงๆ แล้วก็ดูเหมือนว่าจะมีอยู่เพียงวัดเดียวด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้