สัตว์ที่เกิดเป็นคน


สัตว์ที่เกิดเป็นคน

                ผู้ที่จะมาเกิดเป็นคนได้ต้องเคยรักษาศีล๕มาก่อน อันนี้หลวงพ่อเล่าให้ฟัง ผมฟังแล้วก็จำเอาไว้ เวลาเห็นคนตาย สัตว์ตาย ก็อาศัยวิชาที่หลวงพ่อสอนมา อาศัยบารมีครูบาอาจารย์ และท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย ช่วยให้ได้รู้ได้เห็น ตามคำสมาทานพระกรรมฐาน เจตนาก็ไม่มีอะไรมาก เพียงเพื่อเตือนสติตัวเองว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว จิตใจดีย่อมไปเกิดในภพภูมิที่ดี จิตใจชั่วย่อมไปเกิดในภพภูมิที่ชั่ว ในเมื่อกฎของกรรมเป็นไปแบบนี้ เราก็พึงระงับกรรมชั่ว ทำแต่กรรมดี และในเมื่อทำชั่วแล้วได้รับผลกรรมให้ตกไปอยู่ในภพภูมิที่ชั่วแล้ว ผมก็ไม่ค่อยนิยมจะสัพเพ เปลี่ยนภพภูมิ ให้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ครับ ผมว่ามันไม่ค่อยแฟร์กับคนที่เขาทำความดีกันมา แล้วผมก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่กับการสัพเพให้ดวงวิญญาณชั่วๆ ให้ไปได้รับผลบุญ โดยไม่ต้องรับกรรมชั่วที่ตนเองทำเอาไว้ บุญเราทำ กรรมเราก่อ จะให้คนอื่นมาช่วยเปลี่ยนจากการทำชั่วให้ได้รับผลดี มันก็ขัดกับกฎแห่งกรรมที่ผมล่วงรู้มา แทนที่จะสัพเพให้ดวงวิญญาณชั่วๆ ผมสัพเพให้ดวงวิญญาณดีๆ ผู้มีพระคุณของผมดีกว่าครับ เพราะว่าท่านที่เป็นผู้มีจิตใจดี เมื่อได้รับผลบุญที่เราแผ่ออกไป ท่านโมทนาดีแล้ว ก็ย่อมจะอวยพรกลับมาให้เราได้พบแต่สิ่งดีๆเช่นกัน ส่วนการสัพเพให้โจร เมื่อโจรมีกำลังดีแล้ว มันจะสำนึกในบุญคุณ ตอบแทนบุญคุณได้อย่างไร ก็ในเมื่อมันเป็นโจร

                ช่วงเวลาที่ผมต้องตะลุยดินแดนอาหรับ ได้เห็นแกะ แพะ วัว อูฐ ไม่มีควายนะครับ เพราะควายทนร้อนไม่ได้ เห็นแกะ แพะ อูฐ วัว โดนฆ่าเพื่อเลี้ยงฉลองในช่วงวัน อีท คือวันออกจากเดือนรอมดอม และอีทที่2คือนับไปอีก2เดือนจากวันสิ้นสุดรอมดอม ผมก็อยากรู้ว่าแพะถูกฆ่าแล้วมันไปไหน ไอ้คนที่ฆ่าแพะนี้มันตายไปแล้วไปลงนรกขุมไหน มันจะบาปแบบไหน รับกรรมอย่างไร ลงนรกแบบเดียวกับที่ลุงพุฒิท่านดูแลอยู่หรือเปล่า

                เวลาแพะ แกะ มันจะถูกต้อนไปฆ่า หลายๆตัวมันรู้นะ มันร้องกลัวๆๆๆๆ หนีๆๆๆๆ พวกนี้สื่อสารกันได้ไม่หลายหลากเหมือนคนที่มีภาษาซับซ้อน อารมณ์ของสัตว์ก็ไม่ซับซ้อนเหมือนอารมณ์ของคน แต่เรื่องความกลัวตาย กลัวเจ็บ จะคนหรือสัตว์ก็กลัวเหมือนๆกัน เมื่อความตายใกล้เข้ามาก็ร้องร่ำกันระงม พอมีดปาดคอเสร็จ ดิ้นๆชักๆด้วยความเจ็บปวดสักพักหนึ่ง อาทิสมานย์กายหรือว่าวิญญาณก็ออกจากร่าง คติที่ไปก็มีอยู่สองแบบ พวกแรกเป็นส่วนใหญ่ที่เคยรู้สึกพอใจในชีวิตแพะแกะ ได้อยู่ร่วมฝูงกันมีความผูกพันกันอยู่พวกนี้ก็ไปเข้าท้องแพะแกะ กลับไปเกิดในภพภูมิเดิมต่อไป อีกพวกหนึ่งมันจ้องมองคนที่ฆ่ามัน แล้วร้องในใจว่า มึงฆ่ากู มึงฆ่ากู มึงฆ่ากู จ้องตาไปที่คนฆ่าจนขาดใจตาย พวกนี้ไปเกิดในท้องคน แบบนี้หรือเปล่าที่หลวงพ่อเคยพูดว่า จิตเมื่อไปยึดกับสิ่งใดย่อมไปเกิดในสิ่งนั้นๆ นี่หรือเปล่าที่เรียกว่า อุปาทานจิต ไปจับยึดในภพของคน ก็ได้ไปเกิดในท้องคน อูฐซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ มีความเฉลียวฉลาดมากกว่าแกะ เมื่อถูกฆ่าเอาเนื้อ มันจ้องตาคนฆ่า มันนึกถึงคนเลี้ยง น้ำตาไหลออกมาตอนโดนฆ่า แล้วอาทิสมานย์กายก็ออกมาจากร่างแล้วเข้าไปปฏิสนธิในครรภ์ของคนทันที

                จะว่าจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว หรือจะว่ากัมมะพันธุก็ตาม คนอาหรับหลายคนหน้าตาเหมือนแพะ เหมือนแกะ เหมือนอูฐ แม้แต่พฤติกรรมการดำรงชีวิตก็ยังคงกินไม่เลือก กินไม่คิดถึงโภชนาการ ให้กินอะไรก็ได้แค่ให้อิ่มท้องพอแล้ว กินทีละมากๆ ความคิดความอ่านไม่ค่อยมี มารยาท บุญคุณ การขัดเกลาทางสังคมต่างๆ ไม่มีเลย พอย้อนไปดูก็พบว่าพวกนี้ตายจากแพะก็มาเกิดเป็นคน นิสัยเก่าก็ยังคงมีติดมาเพราะเกิดเป็นแพะอยู่หลายสิบหลายร้อยชาติ บางคนก็มาจากอูฐแล้วเกิดเป็นคนเลย หน้าตาก็ยังคล้ายอูฐ อุปนิสัยก็ยังคล้ายคลึงกันมากจนน่าแปลกใจ แล้วที่หลวงพ่อบอกว่าต้องมีศีล๕ครบถึงจะได้เกิดเป็นมนุษย์ อย่างนี้หลวงพ่อจะสอนผิดหรือเปล่า ความจริงแล้วหลวงพ่อสอนไม่ผิดครับ ผิดไม่ได้เพราะหลวงพ่อสอนตามที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเอาไว้ มีในพระไตรปิฎก เกือบ30ปีมานี้ ก็ยังเห็นหลวงพ่อท่านอยู่ข้างหน้า ห่างไปไม่ถึงวา จะพูดจะจา จะเล่าอะไรออกไปก็ต้องให้รู้สึกเคารพยำเกรงท่านมาก บางเรื่องก็ไม่กล้าเล่าออกไปก็มี งั้นเรื่องที่ว่ามีศีล๕ครบจึงจะได้เกิดมาเป็นคน ท่าน ฮึ.คำเดียว รู้คำตอบทั้งหมดเลย ไม่ต้องอธิบายให้โดนด่า คือว่า แพะ แกะ อูฐ พวกนี้ตั้งแต่เกิดมาเป็นสัตว์กินหญ้า ไม่ผิดศีลข้อ1 เพราะไม่เคยฆ่าใครตาย ไม่เคยลักทรัพย์ใคร กินหญ้า ก็มีอยู่ทั่วไป ไม่ได้ขโมยของใครมากิน ไม่ได้โกงเงินใคร มีคู่ผัวตัวเมียกันไม่ได้ละเมิดศีลข้อ3 ไม่ได้พูดปดเพราะพูดอะไรไม่ค่อยได้มากนัก ไม่มีความจำเป็นต้องไปโกหกใครต่อใคร ไม่ต้องพูดจาส่อเสียดให้ร้าย ปรักปรำใคร และที่สุดคือ สัตว์พวกนี้ไม่ดื่มสุราเมรัย นี่แสดงว่าศีล๕ ของ แพะ แกะ อูฐ พวกนี้มีอยู่ครบนะครับ

                ส่วนคนที่ฆ่าแพะ ฆ่าแกะ ฆ่าอูฐ พวกนี้ฆ่าเสร็จจะไปสารภาพบาป ล้างบาปกับพระผู้เป็นเจ้า ตายไปแล้วลงนรกทันทีไม่มีการผ่านสำนักพระยายมราช เพราะความดีที่พอจะมีกำลังช่วยให้ไม่ต้องไปรับโทษทัณฑ์นั้นไม่มี แต่โทษของปาณาติบาตมีเต็มพิกัด บาปก็เหมือนกับไฟ ไม่ว่าเชื้อชาติ ศาสนาใดๆ เอามือไปจับไฟ ย่อมร้อน ลวกมือ ไม่ว่าจะเชื่อเรื่องบาปหรือไม่ก็ตาม บาปย่อมเป็นบาปอยู่วันยังค่ำ บาปบุญ มีอยู่คู่โลกนี้มาแต่เดิมแล้ว ไม่ใช่ว่าเพราะมีพระพุทธศาสนาถึงได้มีบาปมีบุญ พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ได้ทรงดลบันดาลให้มีบาปมีบุญ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้ด้วยสัพพัญญุตาญาณ รู้แจ้งแทงตลอดแล้ว จึงทรงตรัสเล่าถึงสิ่งที่มีอยู่เหล่านี้ ให้พุทธบริษัทฯได้รับรู้ จะได้ระงับบาป บำเพ็ญบุญกุศล เพื่อให้มีสุขคติและหลีกหนีจากทุคติ

                พวกเราที่ได้เกิดเป็นคน ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ทันเห็นปฎิปทาของครูบาอาจารย์ที่ทรงคุณธรรมขั้นสุด นับว่าเป็นบุญวาสนาอันหาได้ยากยิ่งแล้ว ก็สมควรจะประพฤติให้ได้ความเป็นมนุษย์ คือ รักษาศีล๕ กรรมบถ๑๐ มีพรหมวิหาร๔ และบำเพ็ญบารมี๑๐ รู้จักสวดมนต์ภาวนา ทำความเพียรเพื่อละสังโยชน์๓ข้อต้นให้ได้ คือละ สักกายะฑิฐิ(ความถือตัวถือตน) วิจิกิจฉา(ความลังเลสงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า) สีลพตปรามาส(การละเมิดล่วงเกินศีล การเข้ารีต การกราบไหว้เซ่นสรวงภูตผีต่างๆ) แบบนี้แล้วเราจะได้ชื่อว่าเกิดมาเป็นมนุษย์ คือ ผู้มีจิตใจสูง ในเมื่อมีโอกาสวาสนาขนาดนี้แล้ว ก็อย่าพลาดท่าเสียที กลับไปสู่ภพภูมิที่ต่ำกว่าอีกล่ะ

                ส่วนคนที่มีศีล๕ครบมาก่อน เมื่อกลับมาเกิดเป็นคนอีกครั้ง พวกนี้ก็จะรู้จักมารยาท รู้กาลเทศะ รู้ดีรู้ชั่ว รู้ควรรู้ไม่ควร ว่านอนสอนง่าย สำหรับผู้ที่เคยภาวนามาดีแล้วในชาติก่อนๆ เกิดมาชาตินี้ก็จะมีปัญญาเฉลียวฉลาด ไม่ต้องว่าบ่นสอนให้ยุ่งยาก เพียงแต่ได้เห็น ได้ดู ก็รู้จักคิดได้ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร รู้จักรับผิดชอบ รู้หน้าที่ มีระเบียบ มีวินัย เป็นคนที่รู้จักคิด ส่วนพวกที่เป็นสัตว์ป่าดุร้ายกลับมาเกิดเป็นคน หรือพวกสัตว์นรกที่จู่ๆก็กลับมาเกิดเป็นคนทันที พวกนี้จะมีใจบาปหยาบช้า ฆ่าได้โดยไม่รู้สึกผิด ทำบาปจะมากมายเพียงใดก็เห็นเป็นเรื่องปกติ กลุ่มนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเพราะเวลา ๕๐ปีในนรก เท่ากับ ๑ วันบนโลกมนุษย์ พวกนี้หมดวาระเร็วก็กลับมาเกิดได้เร็ว บางพวกที่ไม่ผ่าน เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน กลับมาเกิดเป็นคนเลยก็เริ่มมีมากขึ้น กายเป็นคนใจเป็นสัตว์อย่างแพะแกะอูฐ กายเป็นคนใจเป็นสัตว์นรกก็อย่าที่พวกเราเห็นๆกันอยู่ทุกวันนี้ แล้วก็รำพึงรำพันว่า จิตใจพวกนี้ทำด้วยอะไรนะ ทำไมถึงโหดเหี้ยมโหดร้ายได้มากมายถึงเพียงนี้ นี่ก็ว่าจะเล่านิดๆหน่อยๆเองนะ โม้มาซะยาวไกลเชียวครับ นิทานขี้โม้ตอนสัตว์เกิดเป็นคน ก็จบเพียงเท่านี้ หวังว่าท่านทั้งหลายจะพอได้คติธรรม ให้ได้ระงับบาปกันไปในเบื้องต้น และไม่ต้องโทษว่าเกิดมาไร้บุญไร้วาสนานะครับ เพราะได้เกิดมาบนแผ่นดินพุทธแล้ว ท่านมีบุญมีวาสนามากมายแล้วครับ แต่ถ้าดำรงชีวิตอย่างประมาท มัวเมาในอบายมุข นั่นคือการดำเนินชีวิตอย่างไร้บุญไร้วาสนาครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้