อายุยืน เป็นอมตะตอนที่4

อายุยืน เป็นอมตะตอนที่4

ส่วนตัวผมชอบอ่านนิยายกำลังภายในมาตั้งแต่เด็ก แต่มันก็เหมือนการอ่านการ์ตูน สนุกดี แต่ไม่เชื่อหรอกครับ แต่อีกใจนึกก็คิดว่า ไม่มีมูลหมาไม่ขี้ มันอาจจะมีเค้าโครงจากเรื่องจริง สักนิดนึงก็เป็นไปได้เหมือนกัน จนมาฟังเรื่องราวจากพี่คนนี้ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร การรับฟังไม่ได้เสียหาย การหลับหูหลับตาเถียงต่างหากล่ะ ที่เสียหายมากกว่า ผมฟังแล้วก็ซักถามไปด้วย ระหว่างเดินจากหน่วยงานราชการหนึ่งไปอีกหน่วยงานราชการหนึ่ง ซึ่งไกลกันประมาณกว่า 3 ป้ายรถเมล์ การเดินไปคุยไประยะทางขนาดนี้ผมก็เหนื่อยเหงื่อซึมเหมือนกัน แต่กับพี่คนนี้ดูไม่มีอาการเหนื่อย ไม่มีเหงื่อเปียกหลังเหมือนผม ทั้งๆที่พี่คนนี้สูบบุหรี่วันละ 2 ซอง ผมสงสัยพอสมควร ก็ต้องถามว่าทำไมดูพี่ไม่เหนื่อยเลยครับ พี่เขาบอกว่า ใช้วิธีดึงปราณจากด้านหน้าแล้วผลักออกไปทางด้านหลัง ทำให้เวลาเดินเหมือนไม่ได้ใช้แรงอะไร งงเหมือนกันนะครับ แต่ก็เอาเถอะ ถามต่อไปว่า แล้วพี่สูบบุหรี่วันละ 2 ซอง น่าจะมีผลกับทาร์(น้ำมันดิน)ที่เกาะตามถุงลมปอด พี่เดินแบบนี้ก็น่าจะเหนื่อยกว่าคนปกติอย่างผมที่ไม่สูบบุหรี่นะ พี่คนนี้เล่าว่า เวลากลับบ้านไปทุกๆเย็น จะใช้เวลาเดินปราณประมาณ 45 นาที เวลาเดินปราณก็ใช้ปราณขับเอาทาร์ ออกจากปอด แต่ก่อนพี่คนนี้ว่ามีปัญหาเหมือนเสมหะติดคอ ต้องกระแอม ไอ บ่อยๆ พอเดินปราณไปเรื่อยๆ มีอยู่วันนึง ปราณมาดันจากปอดออกมาที่คอ แล้วเกิดอาการสำลัก เป็นเสมหะ ปนสีดำๆเหมือนน้ำมันดิบ ก้อนขนาดเท่าผลส้ม สำลอกออกทางปาก มันน่าตกใจมาก แต่หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา อาการที่เสมหะพันคอก็หายไปเลย จากนั้นก็เดินปราณผ่านปอด ดันขึ้นไปที่หัว ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่บนกลางหัว พอเอามือขยี้ดู ก็เป็นสีดำๆเหมือนน้ำมันดิบ เอามาดมดูก็มีกลิ่นเหม็นมาก เข้าใจเอาเองว่าคือ ทาร์ และนิโคติน ปนๆกันออกมาจากปอดดันออกมาที่กลางกระหม่อม จากนั้นมาก็ทำแบบนี้ทุกๆวัน เพื่อดันเอาของเสียนี้ออกจากกลางกระหม่อม เรื่องบังเอิญประหลาดๆแบบนี้ผมเองก็พึ่งเคยได้ยิน

มีอยู่วันหนึ่ง พี่คนนี้กำลังปอกเปลือกแอปเปิ้ล ก็บังเอิญว่ามียุงมาเกาะที่แขน ความคิดประหลาดๆก็เกิดขึ้น พี่เขาเอาปลายมีดจี้ไปที่ตัวยุง แล้วลองเดินปราณผ่านจากแขนไปที่มือ ผ่านไปยังมีด บีบไปรวมที่ปลายมีดแล้วพุ่งไปใส่ยุง แล้วก็นึกขำตัวเองอยู่ในใจว่า สงสัยจะบ้ากำลังภายในมากไปหน่อย ดีว่าไม่มีใครในที่ทำงานสังเกตเห็นเพราะเป็นช่วงพักเที่ยง จากนั้นก็เอามีดเขี่ยยุง ไล่มันไป มันก็ไม่ไป แต่ว่าตกลงมาตาย มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็เป็นได้ ยุงตัวที่สองบินมาเกาะอีก ก็ลองทำแบบเดิมอีก ยุงก็ตายอีก ลองไปได้ 5-6 ตัว ชักจะแน่ใจแล้วว่า โดนพลังปราณที่ส่งออกไปทำร้ายจนตายแหงๆ ด้วยความกลัวบาปกรรมก็เลยหยุด ไม่ทดลองต่อ 

พวกเราหารือกันว่า มีดร.ท่านนึงที่ .ธรรมศาสตร์ ท่านสนใจเรื่องวิชาหมัดมวยและกำลังภายในมาก เคยฝึกมาตั้งแต่เด็ก เราน่าจะไปขอคำแนะนำ พี่ท่านนี้โทรไปก็โดนตวาด โดนไล่ ไม่คุยด้วย บอกว่ารับเฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นเด็ก แล้วเวลานี้ก็เลิกรับแล้ว มีแต่งตำราออกมาหลายเล่ม พวกเราก็เลยไม่กล้าโทรไปปรึกษาต่อ มาฝึกกันเองตามประสาของคนบ้าๆบอๆ ผมเองก็ได้รับคำแนะนำจากพี่ท่านนี้ต่อว่า ให้เดินปราณผ่านจุดชีพจรลงไปที่ขาทีละข้าง แขนทีละข้าง ซึ่งมันก็ยากเหมือนกัน ผมเดินปราณไม่ค่อยผ่านจุดชีพจรเหล่านี้ แม้ว่าจะเป็นพื้นฐานเท่านั้นที่เดินปราณผ่านไขกระดูก เพราะหลังจากผ่านไขกระดูกทั่วตัวแล้ว ต้องเดินปราณผ่านกล้ามเนื้อต่ออีกรอบหนึ่ง พอเดินปราณติดขัด พี่ท่านนี้ก็แนะนำว่า ให้หาถังน้ำมาสองใบ ใส่น้ำพอประมาณ แล้วยืนกางขาให้ห่างจากกันเท่ากับความกว้างหัวไหล่ มือทั้งสองข้างถือถังเอาไว้ แล้วยกขึ้นพร้อมๆกับสูดปราณเข้า ยกออกทางด้านข้าง คล้ายๆท่ากางแขน ซึ่งก็มีผลช่วยให้เดินปราณผ่านไปได้สะดวกขึ้นจริงๆ 

พี่ท่านเล่าว่าจุดที่ลำบากมากคือจุดที่ผ่านหัวใจ ขึ้นไปที่หัวไหล่ผ่านกกหูข้ามหัวไปหากกหูด้านขวาแล้วลงมาที่หัวไหล่ มาบรรจบที่หัวใจอีกครั้ง เพราะมันบีบหัวใจเจ็บปวดมาก เหมือนจะขาดใจตาย ตอนเกิดอาการนี้ใหม่ๆ พี่ท่านก็กลัวตาย รีบไปหาหมอที่รพ.เพื่อตรวจหัวใจ เพราะเกรงว่าอาจจะเป็นโรคหัวใจ แล้วหัวใจวายตายง่ายๆ ไปตรวจกับหมอ ทั้งวิ่งสายพาน ต่างๆทุกๆอย่าง หมอสรุปว่า ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ แต่น่าจะเป็นโรคประสาทแดก เพราะไปหาหมอ อยู่ 2-3 ครั้ง จนหมอรำคาญ ผ่านไป 4 เดือน เมื่อปราณผ่านจุดหัวใจ ข้ามหัวลงมาบรรจบได้แล้ว อาการปวดหัวใจก็หายไปเอง จึงได้รู้ว่า นี่คือเส้นทางเดินของจุดชีพจรหนึ่งสายนี่เอง 

อยู่มาวันหนึ่งจากการฝึกปราณ ผมเกิดอาการเสียดแทงที่หัวใจเหมือนมีใครเอาเข็มเย็บกระสอบข้าวสารมาแทงหัวใจ เจ็บเสียด จนต้องเอามือกุมหัวใจดวงน้อยๆเอาไว้ นึกว่าอาจจะเป็นลมตีกลับ แบบว่าเคยได้ยินเตี่ยบ่นบ่อยๆ สูดปราณโคจรลมปราณ ก็ดันไม่ขึ้น มันเจ็บมาก นึกว่าเราจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า พอนึกได้ก็กดโทรศัพท์ไปถามพี่ท่านนี้ว่า อาการแบบนี้เกิดจากปราณจะผ่านจุดหัวใจใช่ไหมครับ ท่านก็ยืนยันมาว่าใช่ เจ็บมากใช่ไหม ก็รับว่าใช่ ทำไมมันเจ็บแบบนี้เนี่ย แล้วไม่ฝึกเลิกก่อนได้ไหม ทำไงให้มันหายไปก่อน คำตอบก็อย่างที่เดากันได้ว่า มันคงจะเลิกไม่ได้ ถ้าอยากจะหายก็ต้องเดินปราณให้ทะลวงจุดหัวใจให้ผ่าน ถามว่าทำยังไงมีทางลัดหรือเปล่า คำตอบก็เป็นที่เดาได้ว่า ไม่มี แล้วพี่ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะผ่านจุดชีพจรหัวใจ คำตอบคือ 4 เดือน เซ็งในหัวอกทันที สูดปราณพร้อมกับเข้าสมาธิเต็มกำลัง เจริญสติเต็มที่ มองเห็นหัวใจตนเอง เต้นอยู่ข้างใน เห็นเป็นจุดสีขาวๆก้อนเท่าลูกชิ้น จะวิ่งผ่านหัวใจไปให้ได้ก็ไม่สามารถผ่านได้ซะที ใช้กสิณแสงสว่าง ยกขึ้นมาพร้อมๆกับกสิณดิน กสิณน้ำ กสิณไฟ ทั้งดัน ทั้งดึง ก็ไม่ยอมผ่าน วันต่อมาต้องขึ้นเครื่องบินไปอุบลแต่เช้า พอเครื่องเริ่มขึ้น อาการเจ็บยิ่งเพิ่มขึ้นมาก จนน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา สูดปราณเข้าไป ทรงสติเต็มกำลัง สมาธิเต็มที่สุดเท่าที่จะมีปัญญาทำได้ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเครื่องก็ปรับระดับลง ปราณที่ตำแหน่งหัวใจก็ดันผ่านหัวไหล่ ผ่านกกหู แล้วอ้อมหลังหัวไปผ่านกกหูขวา ไม่ผ่านหัวกระโหลกด้านบนอย่างที่พี่เขาทำ แล้ววกลงที่หัวไหล่ ลงมาที่ราวนมขวา วิ่งกลับไปบรรจบที่หัวใจ จากนั้นก็โคจรผ่านไปอีก 3-4 รอบ อาการปวดที่หัวใจก็หายเป็นปลิดทิ้งอย่างไม่น่าเชื่อ ลงเครื่องเสร็จก็โทรหาพี่ท่าน เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมผมไม่ผ่านกลางกระหม่อม แต่อ้อมมาที่ท้ายทอยแถวๆหลังหัว ก็ได้รับคำตอบว่า ใช้ได้เหมือนกัน แล้วที่น่ายินดีคือ โคจรผ่านตำแหน่งหัวใจที่เจ็บปวดยากลำบาก ได้ด้วยเวลาอันสั้น 

หลังจากนั้นมาก็เริ่มโคจรปราณได้ดีขึ้นหน่อยนึง พอใช้ร่วมกับสมาธิ และ การเจริญสติ ทำไปพร้อมๆกัน ก็พบว่า สามารถสูดปราณ หรือพลังชีวิต จากต้นไม้ ยอดไม้ การผลิดอก การแทงยอดของพืช จากสายน้ำ จากลมที่พัดผ่านเบาๆ สามารถดึงปราณจากที่ไกลออกไป หลายร้อยเมตรให้เข้ามารวมที่ร่างกายเราได้ ได้เห็นพลังชีวิตจากธรรมชาติที่เข้ามาเติมชีวิตให้กับตัวเราได้ หน้าตาก็ผ่องใสขึ้น อาการอิดโรย เหนื่อยล้า ก็หายไป ในขอบเขตของทิพยจักขุญาณ สามารถมองเห็นพลังชีวิตเป็นเหมือนกลุ่มหมอกสีขาวจางๆมีประกายสว่างน้อยๆ มีความอบอุ่นนุ่มนวล ไหลเข้ามาสู่ร่างกายเรามารวมที่จุดตันเถียน แล้วโคจรหมุนเวียนผ่าน ก้นกบ ผ่านกระดูกสันหลัง วนเวียนเป็นวงรอบไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีว่า .... เอ...เรานี่ท่าจะบ้าไปแล้วนี่หว่า... หรือว่าเราจะแค่เพี้ยน ไม่ถึงกับบ้า???? 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้