กระสือ


กระสือ


               สมัยเด็กๆดูทีวีเรื่องผีกระสือแล้วรู้สึกว่าน่ากลัวมาก เป็นเด็กที่กลัวผีเพราะถูกหลอกมาให้กลัว ถ้าเป็นเด็กฝรั่งอาจจะเอาไม้ไปเขี่ย เอาไส้มาทำไส้กรอกแล้วก็เป็นได้ มีแต่หัว ไม่มีมือมีเท้า จะทำอะไรได้ มีแต่จะถูกกระทำเสียมากกว่า ความทรงจำต่างๆเกี่ยวกับกระสือ ก็ควรจะเป็นอุปาทานให้การนั่งสมาธิไปแล้วจะได้เห็นกระสือแบบที่เจอมาในหนัง แต่ว่าเรื่องอุปาทานในสมาธินี้ก็เป็นอุปาทานอีกนั่นแหละ เพราะไปฟังมาว่าการเห็นนิมิตต่างๆในสมาธินั้นต้องเกิดจากอุปาทานภายในจิตเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คนจำพวกนี้ก็จะปฏิเสธทุกๆอย่างในทิพยจักขุญาณ แล้วก็จะอ้างคำพูดหลวงปู่ดูลย์ว่า สิ่งที่ถูกเห็นนั้นจริง แต่สิ่งที่ไปเห็นนั้นไม่จริง สังเกตว่าคนที่ยกคำเหล่านี้มาอ้างเพื่อจะบอกว่านิมิตจากทิพยจักขุญาณนั้นเป็นอุปาทาน คนพวกนี้จะไม่เคยฝึกในหมวดเตวิโช ฉฬภิญโญ แต่ว่าอ่านมาฟังมาแล้วก็วิพากย์วิจารณ์ตามที่สติปัญญาอันชาญฉลาดของตนจะคิดวิเคราะห์ไปได้

               ผมเองก็เป็นคนขี้สงสัยเหมือนกัน สิ่งที่เห็นในนิมิตระหว่างการทำสมาธินี้เป็นอุปาทานหรือเปล่า เรื่องนี้ถูกหลวงพ่อฤษีด่าเลยครับ ไอ้พวกที่ยังมีความลังเลสงสัยในธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ พวกนี้ยังใช้อะไรไม่ได้ ที่จริงท่านด่าไล่ไปเป็นสัตว์นรกเลยนะครับ ท่านด่าแรงส์มาก หน้าไม่ด้านจริงๆฝึกต่อไม่ได้ครับ ถอดใจหนีหมด ผมเคยสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อต้องด่าอย่างรุนแรงสาหัสสากรรจ์ ขนาดนี้ด้วยนะ ทีพระสารีบุตรฟังเทศน์เสร็จองค์สมเด็จทรงตรัสถามพระสารีบุตรว่า เธอเชื่อตถาคตไหม? พระสารีบุตรบอกว่ายังไม่เชื่อพระพุทธเจ้าข้าฯ พระผู้มีพระภาคเจ้ายังตรัสสรรเสริญว่า ดีแล้ว สารีบุตร.... ประเด็นตรงนี้คือ พระสารีบุตรทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าจะขอนำไปฝึกฝนและพิจารณาให้เข้าใจลึกซึ้งแตกฉานเสียก่อนจึงค่อยเชื่อ ดังนั้นพวกที่เอาแต่สงสัยแล้วไม่เคยจะฝึกฝน เพียรพิจารณาให้ลึกซึ้งแตกฉานอย่างดีแล้ว สักแต่ว่าสงสัย พวกนี้จึงสมควรโดนด่าครับ

               เวลาจะเริ่มฝึกสมาธิ หลวงพ่อจะบอกให้พิจารณาร่างกายนี้ก่อน ให้วางความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายเรา ความเป็นตัวเป็นตนของเราลงเสียก่อน ท่านให้พิจารณาแบบนี้เป็นวิปัสสนา ลองคนเรามันไม่ยึดตัวเองเป็นหลัก มันก็ไม่ยึดถืออะไรๆในโลกนี้ แล้วอุปทานจะเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อมันไม่ยึดเสียแล้ว เรื่องทิพยจักขุญาณนั้นหลวงพ่อท่านเอาเข้ามาเป็นเครื่องล่อ พอล่อเข้ามาได้แล้ว ท่านจะบอกว่า นี่...เธอทั้งหลาย จงเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของสกปรกน่ารังเกียจ เป็นของไม่เที่ยง ต้องมีความตายเป็นแน่นอน ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในกายนี้ ร่างกายนี้ไม่มีในเรา แล้วเธอทั้งหลายให้มีใจรักในพระนิพพาน นึกเอาไว้เสมอว่าตายเมื่อไหร่ขอไปนิพพานเท่านั้น หลวงพ่อเป็นพระอัจฉริยะมาก เดินตามทางหลวงพ่ออย่างเดียวพอ ถึงจะเข้านิพพานไม่ได้ ชีวิตก็ไม่ฉิบหาย การเกิดในชาตินี้ก็ไม่เป็นโมฆะ ไม่เป็นหมัน ไม่เสียชาติเกิดแล้วนะ

               กว่าจะมาว่าถึงเรื่องกระสือได้ก็โม้ไปบ่นไปตามประสาคนแก่ อย่าพึ่งรำคาญไปนะครับ เพราะว่าสมัยหนุ่มๆขณะที่ยังมีความสงสัยใคร่รู้อยู่นั้น ก็มีอยู่บางคราที่แวะเวียนไปในภพภูมิต่างๆ แล้วได้ไปเจอ สิ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า ผีกระสือ เพียงแต่ว่ามันไม่เหมือนกับที่ผมเคยดูมาในหนังสมัยเด็กๆ มันไม่ได้ถอดหัวมีไส้มีกระเพาะลอยได้ อย่างที่เขาเล่าว่า แล้วเรื่องที่เอากิ่งไผ่มีหนามเยอะๆไปเกี่ยวเอาไส้ติดกับไม้ไผ่เอาไว้ แบบที่มีคนเคยเล่าให้ฟัง มันก็ไม่มีหรอกครับ ตอนที่ไปเห็นนี่ ผีกระสือตนนี้อยู่แถวๆสุโขทัยเมืองเก่า เป็นดวงไฟสีเขียวๆสว่างๆลูกเท่ามะพร้าว ในคืนเดือนมืดนี่จะเห็นชัดมาก ลอยได้ ช้าบ้างเร็วบ้าง มองเข้าไปที่ดวงไฟสีเขียวใบตองนี้ จะเห็นมีหน้าผู้หญิงอยู่ตรงกลางดวงไฟ ลืมตาจ้า ไม่กระพริบตา สมัยก่อนพวกเด็กๆชอบไปถ่ายอุจจาระในป่าละเมาะ ผีกระสือก็จะตามไปกิน บางทีก็กินขี้วัวขี้ควาย กบเขียดตัวเล็กๆก็กิน ผีกระสือในทีวีจะลอยไปไล่กัดคอคนจนตาย แต่ว่ากระสือที่นิทานขี้โม้เล่าให้ฟังนี้ กลัวคน ถ้าเห็นมีคนจะเดินเข้ามา ดวงไฟนี้จะหดเล็กลงเหลือเท่าลูกเทนนิสแล้วพุ่งหายไปอย่างรวดเร็ว ตอนกลับเข้าร่างก็ซึมหายลงไปตรงลิ้นปี่ของคนที่เป็นกระสือ

               กรรมใดหนอที่ทำให้บุคคลบางคนต้องเป็นกระสือเช่นนี้ .... เมื่อนับย้อนเวลากลับไปหลายร้อยปีก่อน ยังไม่ถึงพันปี แม้พระพุทธศาสนาจะอุบัติขึ้นบนโลกก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่คนในดินแดนแถบนี้ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก คนส่วนมากยังนับถือภูติผีอยู่เป็นจำนวนมาก มีเรื่องเดือดร้อนอะไรก็ไปเซ่นสรวงภูตผีปีศาจขอให้มาปกปักรักษาบ้าง มารักษาโรคบ้าง ให้ช่วยพ้นจากโรคภัยบ้าง จนถึงขึ้นว่าให้ไปทำร้ายศัตรูคนที่มาคิดร้าย หรือคนที่เราเกลียดโกรธแค้น ให้ต้องมีอันเป็นไป คนในสมัยนั้นมีจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่ยังสามารถติดต่อกับภูตผีเหล่านี้ได้ สามารถเห็นได้ สื่อสารกันได้ รวมถึงยังได้เรียนคาถา บทสวดต่างๆจากเหล่าภูตผี เพื่อใช้ในการอัญเชิญมาให้ความช่วยเหลือต่างๆ เมื่อคนเหล่านี้มีความเชื่ออย่างลึกซึ้งฝังอกฝังใจ สวดอัญเชิญบ่อยๆติดต่อขอให้มาช่วยเหลือต่างๆนานา อำนาจของสิ่งที่ได้รับการดลบันดาลย่อมทำให้หลงคิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ ทั้งที่แท้จริงแล้วอำนาจเหล่านั้นเกิดจากการดลบันดาลของภูตผีทั้งหลายหาใช่ตนเองไม่ ความเคารพผูกพันกันจนเสมือนเป็นนายกับบ่าว ก่อให้เกิดเป็นกรรมผูกพันกันมาสืบต่อๆกันไปยังลูกหลานที่ได้เคยเป็นเชื้อสายของผู้นำประกอบพิธีในการติดต่อสื่อสารกับภูตผีเหล่านี้ จนจิตวิญญาณเข้าไปอยู่ภายใต้อาณัติสัญญาของภูตผีผู้มีอำนาจนั้นๆ กายเป็นคน แต่จิตใจภายในเป็นภูตผีบริวารไปเสียแล้ว หาใช่จิตวิญญาณของมนุษย์ทั่วไป จิตวิญญาณของผู้ที่ได้เคารพกราบไหว้บูชาภูตผีปีศาจเหล่านี้เอง ที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจอาถรรพ์ จะต้องมีวันออกล่องลอยหากินของเน่า ของเสีย เป็นอาหาร ตามกรรมที่ตนเองเสนอตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย พวกนี้ดูๆไปแล้วก็คล้ายๆกับบรรพบุรุษที่เป็นปอบ แค่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของปอบซึ่งจะสังเกตว่า กระสือไม่มีในประเทศเพื่อนบ้าน และมีเฉพาะภาคกลางกับภาคเหนือตอนล่างเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะด้วยพิธีกรรมและธรรมเนียมปฏิบัติไม่เหมือนกัน ผลของการเซ่นสรวงบูชาในภูตผีที่แตกต่างกัน ก็ให้ผลต่อบุคคลเหล่านั้น แตกต่างกันไป

               สมัยนี้ยังมีผีกระสืออยู่อีกไหม อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่ได้สนใจนานแล้ว แต่ว่าเมื่อสิบปีก่อนยังเห็นมีอยู่ทางแถบสุโขทัย ลพบุรี แล้วทำไมมันน้อยลงไป ไม่เยอะแยะเหมือนแต่ก่อน อันนี้ก็เดาเอาว่า สรรพสิ่งในโลกนี้ย่อมมีการเสื่อมไปเป็นธรรมดา ความดีก็เสื่อมลงได้เมื่อความชั่วร้ายเจริญขึ้น ความชั่วร้ายก็เสื่อมลงได้เมื่อความดีเจริญขึ้น ทั้งความดีและความชั่วร้ายก็เสื่อมสลายลงไปได้ตามกาลเวลา การไหลไปของกาลเวลาทำให้สรรพสิ่งทั้งหลายแม้แต่อาถรรพ์มนต์ดำคำสาปใดๆ ก็มีอันต้องอ่อนกำลังลงได้ ดังนั้นอำนาจในการครอบงำจากรุ่นสู่รุ่นก็จะค่อยๆเจือจาง ลดน้อยถอยลงไป

               จะว่าไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้อีกเรื่องนึงว่า พวกภูตผีปีศาจเหล่านี้ทำไมมันอยู่กันได้นานมาก ไม่ตกนรกหมกไหม้หรือไปผุดไปเกิดกันบ้างเลยเหรอ ยังมายุ่งเกี่ยวอะไรกับคน อันนี้ก็มีตัวอย่างที่มันอยู่กันข้ามกัล์ปมายาวนานได้ขนาดนั้นเลยทีเดียว ขอติดเอาไว้ตอนหน้า...ตอนนี้เรื่องผีกะสือ ที่เห็นมานั้นมันต่างจากในทีวี ก็ขอจบนิทานขี้โม้เอาไว้เท่านี้ ยาวไปจะลำบากท่านผู้อ่าน แล้วก็ขอได้โปรดอย่าลืมว่า นี่เป็นนิทานขี้โม้...ไม่ใช่เรื่องจริงนะจ๊ะ...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้