บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2018

เจ้าพ่อเขากา

รูปภาพ
พระเจ้าตากสินมหาราช                ถูกถามเรื่องพระเจ้าตากสินมาหลายครั้งด้วยกัน ผมก็เล่าตามที่ผมรู้ผมเห็นมา แต่ว่าเล่าออกสื่อไม่ได้ ก็มักจะถูกถามว่า ทำไมไม่ตรงกับที่หลวงพ่อฤษีท่านเล่า หลวงพ่อจรัญก็เล่าไปอีกอย่างนึง แม่ชีก็เล่าไปอีกแบบนึง ทำไมการรู้เห็นในสมาธิของแต่ละท่านแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ผมก็ไปตอบแทนหลวงพ่อท่านไม่ได้น่ะครับ แต่ที่ผมรู้ผมเห็นมาบังเอิญว่าไปตรงกันกับประวัติศาสตร์ที่ได้ทราบมาจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งบันทึกเป็นจดหมายเหตุเอาไว้ในช่วงเวลานั้น และได้พบตัวบุคคลที่ยังมีชีวิตอันเป็นเชื้อสายพระเจ้าตากสินมหาราชที่อยู่ทางภาคใต้ ทั้งนครศรีธรรมราช พังงา                แต่ว่าถ้าจะให้ผมเดา ตามความเห็นส่วนตัวก็แล้วกัน เรื่องนี้เป็นอดีตไปแล้วแต่ว่าก็เป็นอดีตที่ยังไม่นานนัก ยังมีตัวบุคคลสืบทอดเชื้อสายกันอยู่ หากจะเอาความจริงทั้งหลายมาขุดคุ้ยตีแผ่กันก็จะสร้างความขัดแย้งในหมู่คนไทยและคนไทยเชื้อสายจีนกันขึ้น ซึ่งมีแต่โทษ ไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย การเล่าเรื่องราวของหลวงพ่อจึงเป็นเหมือนเรื่องจริงอิงนิทานที่จะช่วยปลอบประโลมจิตใจคนไทยและคนไทยเชื้อสายจีนไม่ให้เกิดความขัดแย้ง

ผู้รู้ไม่ยึด ผู้ยึดไม่รู้

รูปภาพ
ผู้รู้ไม่ยึด ผู้ยึดไม่รู้                นิทานขี้โม้วาระนี้เป็นเรื่องดราม่า เป็นนิทานแนวน่าสมเพช กระแทกกระทั้นอารมณ์เล็กๆ คือนับตั้งแต่ที่ผมต้องหมดอายุขัยเป็นวาระที่ 2 เกิดขึ้นในช่วงสึนามิพอดี ในช่วงนั้นแทนที่ผมจะลงไปพักผ่อนที่ภูเก็ตตามแผน ก็กลับเปลี่ยนใจว่าขอไปตายในกรรมฐานดีกว่า แล้วก็เก็บของไปวัดป่าแถวโคราช กะว่าจะตายในระหว่างการฝึกจงกรมก็ดี นั่งสมาธิก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ว่าใจเราจะไม่คลาดจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีกำลังใจเต็ม ไม่ได้หวาดหวั่นในความตาย ในระหว่างที่นั่งสมาธิอยู่นั้น ปะคำหยกที่คอเกิดขาด เม็ดปะคำกระจัดกระจาย นาฬิกาที่ไม่ได้ยืมเพื่อนมา เป็นของเราเอง วางเอาไว้ที่หัวนอน สายนาฬิกาก็ขาดกระจัดกระจายเป็นหลายท่อน เวลานั้นพิจารณาแล้วก็ไม่เห็นจะมีความอาลัยอาวรณ์ในร่างกายนี้ ภพชาตินี้เราไม่ได้มีความรู้สึกสนใจใยดีอีกแล้ว จะทำตามที่หลวงพ่อสอนไว้ เจริญสติ ทรงฌาน มีจิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ถ้าตายลงตรงนี้ เวลานี้จะไปไหนก็ไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีความกังวลใจ ก็เดินจงกรมไป สลับกับการนั่งสมาธิไป จนกระทั่งคืนวันพระ                คืนวันพระ เป็นวันของพระ เรามาปฏิบัติจิตเพื

กรรมไก่

รูปภาพ
กรรมไก่ของเฮียโหงว                เมื่อตอนเฮียโหงวอายุได้สัก 14-15 ปีเห็นจะได้ เราก็จะอยู่ในช่วง 8-9 ขวบ ก็ประมาณ ป. 2-3 นี่แหละ ตอนนั้นที่บ้านเลี้ยงไก่ชน ความจริงแล้วเรื่องเลี้ยงไก่นี่เริ่มตั้งแต่ ตั้วเฮียก่อนเลย เมื่อมีพี่ชายคนโตเริ่มคนที่สองก็ตามมา พอมาถึงเฮียโหงวก็เลย ตามกันไป ตอนนั้นสนามหลวงยังไม่ได้ย้ายไปไหน ชอบตีไก่ก็ไปดู กันที่นั่น เพื่อนดีๆของเฮียโหงวก็จะมาชวนกันตีไก่ ก็ตีกันจนหัวโกร๋น ดูแล้วเหมือนอีแร้งดีๆนี่เอง เวลาตีเสร็จก็ต้องให้น้ำแล้วเอาขนไก่ปั่นคอ เขาว่าไม่งั้นไก่จะเสีย คือมีเสมหะพันคอ แล้วก็ต้องค่อยๆเช็ดขนทีละเส้น เอาใจ จนเคยถามว่า พ่อมึงเลี้ยงมึงมาแท้ๆ ไม่เคยเห็นมึงดูแลเช็ดตัวให้เลยวะ นี่บางครั้งถึงกับเอามุ้งไปกางให้นอนนะ พ่อมันไม่เคยเห็นมันทำอย่างนี้หรอก พูดเข้าจะโดนตืบเอา ทีนี้เวลาจะคัดไก่ไปตีกันก็ต้องเลือก เขาก็มีวิธีดูแข้ง ว่าแข้งต้องกลม เขียว ตาลาย ไอ้เราก็ว่าคล้ายจะเป็นลมด้วยไหมวะ ก็ไม่ค่อยเข้าวงการกับเขาสักเท่าไร ต้องดูที่นิ้วก้อยด้วยว่าเกร็ดที่นิ้วก้อยแตก จะตีแม่นมาก มีกำไรที่แข้ง ปีกมีขนเต็ม ต้องมีการลองซ้อมตีก่อนว่า เป็นไก่ตั้งหรือไก่เชิง ถ้าเป็นไก่ต

นกพิราบ

รูปภาพ
ผลกรรมจากการทำร้ายนกพิราบ             เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปีพ.ศ.2520 บุคคลในเหตุการณ์ต่างยังคงมีชีวิตอยู่ และได้รับผลกรรมที่ตนได้กระทำไว้แล้ว...             เรื่องเกิดจากวันนั้นมีนกพิราบหลุดจากฝูงมาตัวหนึ่ง ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นนกพิราบนอก เนื่องจากตัวโตกว่านกพิราบไทยมาก เชื่องกว่า มันเกาะอยู่ตรงเชิงหลังคาของตึกแถว2ชั้น พี่ชายข้าพเจ้าเองเห็นเข้าก็อยากได้ แต่สิ่งที่ทำลงไปคือ ไปเอาหนังสติ๊กใส่ลูกกระสุนดินเหนียวปั้น มายิง   ยิงอยู่หลายครั้ง ไม่โดน นกก็ไม่บินหนี จนมาถึงนัดเจ้ากรรมที่ยิงไม่โดนนก แต่โดนกำแพงแล้วกระดอนมาเข้าเบ้าตาซ้ายของนกพิราบ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และร่วงตกลงมา             พี่ชายข้าพเจ้าเอามารักษา เอายาใส่ แต่ตาข้างนั้นก็บอดเสียแล้ว ตานกจะอยู่ด้านตรงข้ามกัน ดังนั้นเมื่อตาซ้ายบอดก็จะมองเห็นแต่ด้านขวาเท่านั้น เวลาเดินก็จะเดินเซๆ เวลาบินก็บินเป็นวงกลม วนไปทางขวาเพราะว่าตาขวาเห็นอยู่ด้านเดียว มันช่างเป็นเรื่องตลกที่สนุกสนานเฮฮา ในเวลานั้น ผ่านไปกว่า 2 เดือน วันหนึ่งมันเหลือบเห็นฝูงของมันบินผ่านมา มันจึงโผบินตามเข้าฝูงไป จากนั้นเราก็ไม่เคยเห็นมันอีกเลย