นกพิราบ


ผลกรรมจากการทำร้ายนกพิราบ

            เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปีพ.ศ.2520 บุคคลในเหตุการณ์ต่างยังคงมีชีวิตอยู่ และได้รับผลกรรมที่ตนได้กระทำไว้แล้ว...

            เรื่องเกิดจากวันนั้นมีนกพิราบหลุดจากฝูงมาตัวหนึ่ง ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นนกพิราบนอก เนื่องจากตัวโตกว่านกพิราบไทยมาก เชื่องกว่า มันเกาะอยู่ตรงเชิงหลังคาของตึกแถว2ชั้น พี่ชายข้าพเจ้าเองเห็นเข้าก็อยากได้ แต่สิ่งที่ทำลงไปคือ ไปเอาหนังสติ๊กใส่ลูกกระสุนดินเหนียวปั้น มายิง  ยิงอยู่หลายครั้ง ไม่โดน นกก็ไม่บินหนี จนมาถึงนัดเจ้ากรรมที่ยิงไม่โดนนก แต่โดนกำแพงแล้วกระดอนมาเข้าเบ้าตาซ้ายของนกพิราบ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และร่วงตกลงมา

            พี่ชายข้าพเจ้าเอามารักษา เอายาใส่ แต่ตาข้างนั้นก็บอดเสียแล้ว ตานกจะอยู่ด้านตรงข้ามกัน ดังนั้นเมื่อตาซ้ายบอดก็จะมองเห็นแต่ด้านขวาเท่านั้น เวลาเดินก็จะเดินเซๆ เวลาบินก็บินเป็นวงกลม วนไปทางขวาเพราะว่าตาขวาเห็นอยู่ด้านเดียว มันช่างเป็นเรื่องตลกที่สนุกสนานเฮฮา ในเวลานั้น ผ่านไปกว่า 2 เดือน วันหนึ่งมันเหลือบเห็นฝูงของมันบินผ่านมา มันจึงโผบินตามเข้าฝูงไป จากนั้นเราก็ไม่เคยเห็นมันอีกเลย

            ผ่านไปหลายปี จนเมื่อพี่ชายข้าพเจ้าได้เป็นกุ๊กในโรงแรมห้าดาวและได้ขยับเลื่อนตำแหน่งจนได้เป็น เอ็กเซ็กคลูซีฟ ซูร์เชฟ ซึ่งก็เป็นรองเพียงเชฟฝรั่งคนเดียว ระหว่างนั้นเราได้เข้าฝึกสมาธิที่ซอยสายลมแล้ว หลังจากนั้นไม่นานพี่ชายก็เริ่มมีอาการมึนหัวและเดินเซๆ จนต้องใช้ร่มช่วยประคอง เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ผลการเอ็กเซเรย์ พบว่ามีก้อนเนื้อขนาดเท่าลูกมะนาว อยู่หลังกระบอกตาข้างซ้าย และกดทับเส้นประสาทหู ทำให้หูไม่ค่อยได้ยิน ต้องผ่าตัดด่วน  พี่ชายหันมาหารือข้าพเจ้าว่ายังไง? ทำไม? ด้วยอาศัยวิชาที่หลวงพ่อฤษีสอนมาและบารมีพระ ทำให้รู้ว่าเป็นกรรมจากนกพิราบที่เคยทำไว้ ข้าพเจ้าบอกพี่ชายเพียงว่า “นกพิราบ มันมาทวงคืนแล้วนะ” พี่ชายข้าพเจ้าเองก็ได้เพียงพยักหน้า ไม่ว่าอะไร ...

            การผ่าตัดด้วยกล้องเป็นรายแรก ดำเนินไปตั้งแต่8โมงเช้าจนถึง4โมงเย็นโดยไม่มีการพัก เป็นการเลาะชิ้นเนื้อออกโดยไม่ให้เส้นประสาทขาด หมอพยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว หลังพักฟื้น หมอก็นัดให้ไปตรวจดูชิ้นเนื้อใหม่ในอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่เวลาผ่านไปได้เพียง2เดือน อาการกลับเป็นเหมือนเดิม เดินเซ เสียการทรงตัว มันช่างเหมือนนกพิราบตัวนั้นเสียเหลือเกิน

            เข้าพบหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้งทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนดนัด หมอเอ็กเซเรย์แล้ว ให้แอดมิดทันที พร้อมกำหนดให้ผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น พี่ชายหันมาถามข้าพเจ้าว่า “ผ่าครั้งนี้จะตายไหม” ข้าพเจ้าไม่รู้หรอก ได้แต่ถามพระ ถามครูบาอาจารย์ ตามที่หลวงพ่อสอนมา เหมือนความรู้จะเกิดขึ้นจากจิตตามที่ท่านบอกมาคือ รอด แต่หนัก จึงตอบไปตามนั้นว่า ไม่ตายแต่หนักว่ะ แกถามต่อว่า แล้วจะมีครั้งที่สามไหม เลยตอบตามที่รู้ต่อมาอีกทีว่า ไม่มีครั้งที่สามแล้ว ถ้าผ่าครั้งที่สามก็หามออกจากโรงพยาบาล คือ ตาย

            วันรุ่งขึ้นหมอเริ่มผ่าตัดตั้งแต่6โมงเช้า ไปเสร็จเอาตอน 2 ทุ่ม โดยทั้งหมอและพยาบาลไม่มีใครได้ทานข้าว นับเป็นความกรุณาและเสียสละของหมอและพยาบาลโรงพยาบาลเลิศสินเป็นอย่างสูง เส้นประสาทถูกตัดขาดไประหว่างเลาะชิ้นเนื้อ 6 เส้น ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่คุมกล้ามเนื้อตา ทำให้ตาดำซ้ายกลับมาอยู่ที่มุมตา, กล้ามเนื้อแก้มไม่ทำงาน ทำให้หน้าเบี้ยว ,กรามข้างซ้ายไม่ทำงาน ทำให้อ้าปากแทบไม่ได้ หูข้างซ้ายบอดสนิท หนังตาซ้ายกระพริบไม่ได้ เป็นเหตุให้ตาแห้งและเสียกระจกตาไปในที่สุด แขนข้างหนึ่งไม่มีแรงแต่มีความรู้สึก แขนอีกข้างหนึ่งมีแรงแต่ไม่มีความรู้สึก ขาทั้งสองข้างยังเดินไม่ได้ นอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาลโดยหมอไม่สามารถบอกได้ว่าจะฟื้นหรือไม่ ฟื้นแล้วจะสูญเสียความทรงจำหรือไม่ และรับประกันอะไรไม่ได้เลย จากการผ่าตัดสมอง

            พวกเราผลัดกันไปเฝ้าไข้ เพราะพี่ชายมีอาการเพ้อเหมือนเห็นสิ่งน่ากลัวหลอกหลอน มีอาการทุรนทุราย ทั้งที่สภาพมีทั้งสายน้ำเกลือ สายอ๊อกซิเจน ให้เลือด เจาะคอเพื่อดูดเสมหะ มันมีแต่สายระโยงระยางเต็มไปหมด เป็นที่อนาถใจของผู้พบเห็นนัก กลางคืนเวลาเฝ้าไข้ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นสัมภเวสีที่เดินผ่านไปมาจำนวนมาก เข้ามารบกวนใกล้ๆ ไม่ใช่แต่เพียงพี่ชายข้าพเจ้า แต่เตียงอื่นๆก็มีอันโดนรบกวนจนนอนกันไม่ได้ ขยับไปมาบ้าง ร้องครวญครางกันบ้าง ห้องพิเศษรวม ซึ่งมีคนไข้ถึง 6 คน ก็จึงยิ่งดูสมเพชใจเข้าไปอีก

            ระหว่างเฝ้าไข้นั้น จึงนึกถึงเรื่องที่หลวงพ่อสอนไว้ได้เรื่องหนึ่งว่า ให้เชิญท้าวมหาราชย์ทั้ง4 มาคุ้มครอง ข้าพเจ้าเห็นว่าน่าจะช่วยเรื่องป้องกันพวกสัมภเวสีนี้มารบกวนได้ จึงตั้งนโม3จบ แล้วท่องว่า “สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอรหันต์พุทโธ นะโมพุทธายะ” เป็นจำนวน 7 จบ เข้าสมาธิไว้เต็มกำลัง ก็ได้เห็นบริวารท่านท้าวมหาราชย์ทั้ง 4 มายืนอยู่ที่ทั้ง 4 มุมห้อง จึงขอท่านว่า อย่าให้พวกสัมภเวสีใดๆ เข้ามารบกวนคนป่วยในนี้ได้เลย ท่านรับปากแล้ว เหล่าสัมภเวสีเหล่านั้นก็หายไปจากห้อง จนเป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากพี่ชายข้าพเจ้าจะได้นอนหลับอย่างสนิทแล้ว เตียงอื่นๆอีก 5 เตียงก็ได้นอนหลับกันอย่างสนิท จนมีเสียงกรนดังแข่งกันขึ้นมา แต่เวลากลางวันเมื่อข้าพเจ้าไม่อยู่และพี่สาวเป็นคนเฝ้าก็ได้รับทราบว่า ทั้งห้องวุ่นวาย พยาบาลก็วิ่งกันวุ่น เพราะคนไข้อาละวาดกันหนักมาก

            เวลาผ่านไป40วันแล้ว พี่ชายข้าพเจ้าก็ยังไม่ฟื้นคืนสติ ไม่ว่าจะทำบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร สวดอ้อนวอนขออย่างใดก็ตาม ล้วนแล้วไม่เกิดผลใดๆ จวบจนครบ 45 วัน มันเป็นวิธีสุดท้ายที่ข้าพเจ้ารู้มาในขณะนั้นว่าจะพอช่วยได้ คืนนั้นเมื่อเข้าสมาธิเต็มกำลังเท่าที่จะทำได้แล้ว จึงขอบารมีองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกะพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ แล้วอธิษฐานว่า “ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญไว้ดีแล้ว แต่ครั้งอธิษฐานบารมีเป็นพระโพธิสัตว์จนถึงปัจจุบันนี้ จะมีมากแต่เพียงใดก็ตาม ข้าพเจ้าขอยกผลบุญทั้งหลายทั้งหมดให้แก่พี่ชายข้าพเจ้า ขอให้พี่ชายข้าพเจ้าจงพ้นจากทุกข์เวทนาในครั้งนี้ ได้ฟื้นคืนสติ และด้วยผลบุญนี้ขอให้เจ้ากรรมนายเวรคือนกพิราบนี้ได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่พี่ชายข้าพเจ้าด้วยพี่ชายข้าพเจ้าก็ได้รับทุกขเวทนาสาสมกับความผิดที่ได้กระทำไว้แล้ว” คืนนั้นข้าพเจ้าเข้าสมาธิไว้จนเช้าจึงได้ไปทำงาน

            เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้นเมื่อข้าพเจ้ากลับมาเวลาบ่าย ข้าพเจ้าเห็นพี่ชายนั่งอยู่บนรถเข็น มีพี่สาวคอยดูแลอยู่ ประโยคแรกที่ถามข้าพเจ้าคือ “ตอนนี้เป็นเรื่องจริง หรือว่า ข้าฯกำลังฝันอยู่” ข้าพเจ้าบอกไปว่า นี่เป็นเรื่องจริง มิใช่ฝัน และนับต่อจากนี้ไป ขอให้ใช้เศษชีวิตที่เหลือนี้ เพื่อการประพฤติ ปฏิบัติธรรม ทำให้ยิ่ง ทำจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เสียงตอบรับปากเพียงว่า อือ...พี่ชายข้าพเจ้าฟื้นได้จริงๆ หมอยังบอกว่าไม่น่าเชื่อ พี่หัวหน้าพยาบาลที่เคารพท่านนึงบอกกับข้าพเจ้าว่า ยกบุญให้พี่ชายหมด เมื่อตัวเองหมดบุญ อาจถึงตายได้นะ ...ข้าพเจ้าไม่เชื่อหรอกนะ แต่ถึงจะจริงก็ไม่เป็นไร ข้าพเจ้าพร้อมตายทุกวันอยู่แล้วนะ

            ทุกวันนี้พี่ชายข้าพเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ อยู่ในสถานะคนพิการ ข้าพเจ้าจึงบันทึกเรื่องกรรมนี้ไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ชนรุ่นหลัง เพื่อไม่ให้หลงผิดคิดชั่วก่อกรรมด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การกล่าวอ้างถึงผลของมโนมยิทธิที่หลวงพ่อได้สอนมานั้น ไม่ได้มีเจตนาจะอวดอ้างคุณวิเศษใดๆของตนเอง เพียงจะเล่าถึงคุณงามความดีที่ได้รับ ได้เรียนรู้ จากครูบาอาจารย์ที่ประเสริฐ ซึ่งได้สงเคราะห์ลูกศิษย์ในยามคับขัน ให้ได้พอเอาตัวรอดได้...สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้