เรียนคาถาอาคม

เรียนคาถาอาคม

                ตามความเชื่อแต่ก่อนนั้น ชายไทยทุกคนต้องมีวิชาอาคม แต่ว่าเรามันเป็นลูกเจ๊ก เตี่ยก็มาจากแผ่นดินใหญ่ จะเรียนคาถาอาคมไปเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะว่ากลัวผี ผมก็เชื่อว่าพวกที่เรียนคาถาอาคมนี่ ร้อยละ90 ล้วนแล้วแต่ขี้ขลาดขี้กลัวทั้งนั้น กลัวผีบ้าง กลัวคุณไสยบ้าง กลัวโดนแทงตาย โดนยิงตาย สารพัดจะกลัว ก็ทำให้ต้องเรียนคาถาอาคมบ้าง สักเสกเลขยันต์บ้าง

                ตาลุงไม้ขีดไฟ ขอใช้ชื่อนี้เพราะวันๆแกพกแต่ไม้ขีดไฟ ส่วนบุหรี่มาขอเอาจากแม่ผมนี่เอง ตาลุงเคยบวชเรียนจนได้เป็นมหา คือได้เปรียญประโยค 3 ก่อนจะลาสิกขาออกมาแต่งเมีย จนมีลูกชายลูกสาว แก่กว่าผมหลายปี สาเหตุที่บวชนั้นแกเล่าอย่างภาคภูมิใจว่า ชดใช้กรรมที่เคยทำเอาไว้ตอนใช้วิชาอาคมสมัยหนุ่มๆ ว่างๆแกก็จะมานั่งโม้ให้ฟัง ไอ้เราก็ชอบฟังเรื่องขี้โม้อยู่แล้ว ก็เลยเข้าขากันได้พอสมควร เริ่มแรกเลยแกก็ว่า คาถานายผี คาถานี้ เวลาเจอผีให้เอาหัวแม่ตีนจิกที่พื้นดิน แล้วท่องว่า “เนหะ นะหะ” บริกรรมไปเรื่อยๆ ผีจะก้าวขาไม่ออก จะถูกสะกดอยู่กับที่ คาถานี้มาได้ใช้ตอนเรียนม.2 ที่โดนผีแหกตาที่ตึกแถว ของตั่วเฮีย

                ตาลุงไม้ขีดไฟแกเล่าถึงทำเสน่ห์ แกว่าเขาไม่ได้ทำกันอย่างทุกวันนี้หรอก แค่เดินผ่านหน้า บริกรรมใส่เข้าไปเท่านั้นก็เดินย้อนกลับมานั่งตักได้เลย ไม่ต้องมีชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิดหรอก แต่ถ้ามีก็จบ ง่ายมาก ยิ่งมีรูปถ่าย หรือเส้นผมนะ ไม่ต้องเห็นตัวก็ได้ บริกรรมเอาไว้กลางคืนผู้หญิงคนนั้นจะมาหาถึงที่บ้าน ทีนี้อยากทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง แต่ว่าคาถาบทนี้ไม่สอน เพราะเป็นบาปเป็นกรรมเปล่าๆ แล้วแกก็เล่าถึงวิธีทำน้ำมันพราย ว่ามันไม่ใช่แบบในหนังหรอกนะ ไอ้ที่ไปขุดศพขึ้นมาเอาเทียนลนคาง ทำจริงๆไม่ใช่แบบนั้น

                สำหรับคาถากันผี ตาลุงแกว่ามีหลายบทมาก แต่ว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ “พุทโธ” ตาลุงไม้ขีดไฟเล่าว่า เรามันก็แน่พอตัวเรื่องสู้กับผี คาถาอาคมก็มี ไม่เคยกลัว แต่มีอยู่ทีนึงแกว่า นอนๆอยู่ผีมันโดดมาคล่อมตัว นอนทับอกเอาไว้ แกก็จัดการว่าคาถาใส่ พอเริ่มว่าคาถา ผีมันก็ว่าด้วย แกก็เปลี่ยนบทอื่น ผีมันก็เปลี่ยนตาม แถมยังมีบอกด้วยว่าบทนี้มีต่ออีกนะ แล้วผีก็ท่องให้แกฟังส่วนที่เหลือ บอกว่าที่แกเรียนมามันยังไม่ครบ  ตอนนั้นแกว่าเริ่มจนปัญญาแล้ว สงสัยไอ้ผีตัวนี้มันจะเคยเป็นหมอผีมาก่อนจะตายแหงๆ ท่องอะไรไปมันรู้หมด ท่องคู่กับตาลุงไปได้เลย จนใจแล้วสุดท้ายแกก็นึกถึงคำว่า พุทโธ  แกว่าท่องพุทโธไปเท่านั้นเอง ผีมันกระเด็นออกไป ห่างเป็นวา แล้วก็หายไป หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นแกก็เลยเชื่อเสมอมาว่า ผีจะเก่งแค่ไหน แพ้พุทโธ ... พุทโธนี่แหละ คาถาไล่ผีที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด จากนั้นมา ไปไหนมาไหน ผมจะท่องพุทโธตลอด เพราะเป็นคนกลัวผีตลอดเวลา อยู่คนเดียวก็ พุทโธ เดินไปไหนเปลี่ยวๆนี่พุทโธขึ้นมาก่อนเลย ท่องจนหลับฝันไปก็ยังพุทโธ


                ท่องไปๆ ตอนนั้น ป.4 เรียนไม่ค่อยเก่ง ต้องลอกการบ้านเพื่อน ตาลุงไม้ขีดไฟแกก็เล่าให้ฟังว่า ถ้าเวลาท่องพุทโธนั้น ถ้าจับลมหายใจไปด้วย จะช่วยให้เรียนหนังสือเก่ง .... อีนี่หูผึ่ง...ทำไงครับ?  ตาลุงแกว่า ก็เวลาหายใจเข้าให้ท่องว่า พุท เวลาหายใจออกให้ท่องว่า โธ ระหว่างที่ท่องนั้นก็อย่าไปคิดถึงเรื่องอะไร ทำใจสบายๆ จับความรู้สึกที่ปลายจมูกก็ได้ ไม่ต้องไปบังคับมัน หายใจไปตามปกติ แต่เอาคำว่าพุทโธ ไปผูกเอาไว้กับลมหายใจ หลังจากนั้นการเรียนก็ค่อยๆดีขึ้น เพราะทำแบบฝึกหัดมากขึ้น อ่านหนังสือมากขึ้นเพราะแม่ด่า สงสัยก็ไปถามครู โดนครูด่าบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะเราเริ่มหน้าด้านแล้ว สบายมาก เรื่องโดนด่าว่าโง่นั้นเป็นเรื่องปกติ ก็ถ้าไม่โง่แล้วจะมาเรียนหนังสือทำไม ฉลาดแล้วก็ไม่ต้องเรียนหนังสือก็ได้ รู้หมดแล้วนี่หว่า เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ไม่รู้ มาด่าเราว่าโง่ ตกลงใครกันแน่ที่โง่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้