ตำหนักทรง

ตำหนักทรง 

                ความที่แม่กับเตี่ย เชื่อในการทรงเจ้า ทำให้แม่แวะเวียนไปตามตำหนักต่างๆ ที่ไหนใครว่าดีก็ลองไปหาดู ทั้งพ่อปู่ พระพรหม ปู่ใหญ่ กุมารทอง ท้าวสุรนารี ฯลฯ ไปจนเกิดเรื่อง มารู้จาก ตาลุงไม้ขีดไฟว่า แม่โดนตำหนักเหล่านั้นทำของใส่มา เวลาตำหนักมีงาน แม่จะต้องไปทุกครั้ง ไม่ไปไม่ได้ จะร้อนรุ่ม แล้วจะมีเสียงเรียกให้ต้องไป อยู่บ้านไม่ได้  ตาลุงไม้ขีดไฟก็เลยอาสา มาพาไปตำหนัก พ่อปู่(อีกแล้ว) ไปกินน้ำมนต์ อาบน้ำมนต์ แล้วก็เล่าว่าตอนพาแม่ไป แม่ไม่ยอมไป มียักษ์มายืนขวาง แกต้องใช้คาถาจักรนารายณ์ตัดแขนตัดขา แล้วพาแม่ขึ้นรถไปส่งถึงตำหนัก ไอ้เราก็สงสัยว่า ตาลุงไม้ขีดไฟก็มีวิชา ทำไมไม่ไล่เอง(วะ) สรุปแล้วตอนหลังแกมาเล่าให้ฟังว่า แกก็ไปแสดงวิชาที่ตำหนักนั่น โดยเป็นคนรดน้ำมนต์ให้แม่ บอกว่าน้ำมนต์ไม่เกาะตัวแม่เลย มีแต่น้ำมันไหลซึมออกมาตามผิวหนัง
                หลังจากนั้นก็ให้พ่อปู่เปิดปากให้ ก็มีเทพมาประทับทรงแม่ เป็นเทพผู้ชาย ดุมาก มีฤทธิ์มาก เวลาลงทีนึงนี่ตำหนักสะเทือน ซึ่งเรื่องที่แม่เป็นร่างทรงนี้ ที่บ้านไม่มีใครยอมรับ ทำให้เวลาเข้าทรงแม่ต้องไปเข้าทรงที่ตำหนักพ่อปู่ ตามสืบความได้ว่า พ่อปู่พระพรหมนี้ ท่านตัดหัวถวายพระพุทธเจ้า ส่วนตัวนี้ลงมาสร้างบารมีที่โลกมนุษย์ ก็เดาว่าน่าจะเป็นท้าวกบิลพรหมที่แพ้ต่อพระธรรมบาลในการตอบปัญหา จนเกิดประเพณีสงกรานต์ขึ้น เข้าใจว่า ร่างทรงผู้หญิงอ้วนเตี้ยคนนี้ จะไปหยิบเอาประวัติท้าวกบิลพรหมมาโมเมอ่ะนะ...
                ปัญหาก็คือร่างทรงส่วนมากจะเป็นร่างทรงเก๊ พวก18มงกุฎ มาแหกตาเอาก็มาก ทำกันเป็นทีม รายได้ดีมาก กับอีกส่วนหนึ่งคือร่างทรงผี ที่มีทั้งผีตายโหง และผีที่ตายจากการเป็นหมอผี พวกนี้มีวิชามาตั้งแต่ก่อนตาย เป็นผีก็ยังเอามาใช้ได้ ใช้คาถามาบังคับผีด้วยกันที่มีฤทธิ์น้อยกว่าก็ได้ ตอนเป็นคนทำคุณไสยได้ยังไง ตอนเป็นผีทำได้สะดวกสบายกว่านั้นอีก จะเรียกว่าความซวยก็คงไม่ใช่ น่าจะเรียกว่าความฝักใฝ่หมกมุ่นในเรื่องใด ย่อมได้รับผลจากการหมกมุ่นในฝ่ายนั้นๆจะดีกว่า ถ้าแม่หมกมุ่นเรื่องเข้าวัดฟังทำ ฝึกสมาธิ ท่านก็จะได้พบพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เมื่อมาหมกมุ่นฝักใฝ่เรื่องทรงเจ้าเข้าผี ก็ได้พบกับการเป็นร่างทรง ซึ่งก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยที่ทำลงไปนี่เอง

                พอเป็นคนทรงก็ต้องไปไล่ผีบ้าง ถอนคุณไสยบ้าง ตามแต่คนจะมาขอให้ช่วย ซึ่งพวกเราไม่เคยมีใครไปเห็น มีแต่ตาลุงไม้ขีดไฟมาเล่าให้ฟัง ผ่านไปไม่นาน แม่ก็ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง อีกไม่กี่วันต่อมาก็เสียชีวิต ร่างทรงพ่อปู่มาประทับทรงเรียกวิญญาณกลับ แล้วบอกว่าช่วยไม่ทันแล้ว ทางนั้นเขาทำมาแรง ช่วงดวงแม่ตกพอดี ฯลฯ สารพัดจะสรรหามากล่าวอ้าง ก็ตายไปแล้วนิ จะพูดยังไงก็ได้ และผมก็ยอมรับด้วยว่า ผมเกลียดตำหนักทรง ผมจะไม่ยุ่งกับพวกนี้อย่างเด็ดขาด แต่ผมจะฝึกกรรมฐานเอาไว้ป้องกันพวกนี้ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนในครอบครัวผมได้อีก และผมอยากจะเจอแม่ แม่ผมตายโดยยังไม่หมดอายุขัย แม่ไปอยู่ที่ไหน ? นั่นเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมขวนขวายฝึกสมาธิ ในสมัยนั้น คำสอนต่างๆยังไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน สื่อต่างๆก็ยังไม่ค่อยมี จนกระทั่งพี่ชายบอกว่า ป้าที่ทำงานมาชวนไปซอยสายลม ไปเรียนวิชามโนมยิทธิ มีฤทธิ์ทางใจ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค  หลังจากได้อ่านประวัติหลวงพ่อปานจบ รอจะไปซอยสายลม วันเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือน พฤษภาคม 2530 ผมสาบานว่า ชาตินี้จะฝึกวิชานี้ให้สำเร็จ จะเป็นจะตายข้าฯจะฝึกวิชานี้ให้ได้...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้