อดีตชาติในภาพรวม
อดีตชาติในภาพรวม
เมื่อเห็นว่าเคยเกิดมาเป็นพรหมแล้ว
ถึงจะเป็นพรหมชั้นเตี้ยๆก็ยังดีแหละนะ ตอนนี้ก็ไปกราบพระ กราบครูบาอาจารย์
เห็นหลวงพ่อปาน หลวงพ่อทวด ครูบาอาจารย์อีกหลายรูป ก็ไปขอเรียนถามท่านว่า
กระผมนี่เคยเกิดเป็น สัตว์นรก เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นคน เป็นพรหม เป็นเทวดามากี่มากน้อยแล้วขอรับ
ภาพก็ปรากฏเป็นลานกว้างสุดลูกหูลูกตา
ฝั่งซ้ายมือมาจนถึงตรงกลางค่อนมาทางขวาแล้วก็ด้านหลังทั้งหมด ปรากฏเป็นสัตว์นรก เปรต
อสุรกายสัตว์เดรัจฉาน มีด้านหน้าค่อนมาทางขวาหน่อยๆที่เกิดมาเป็นคน
แล้วก็น้อยมากกกกก ที่ได้เกิดมาเป็นพรหมเป็นเทวดา ก็นึกอุทานขึ้นมาในใจว่า”จัญไรแล้วกู”
นี่เกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เกิดเป็นสัตว์นรก สัตว์เดรัจฉานเหรอนี่
กว่าจะได้เกิดมาเป็นคนก็แสนยาก เกิดเป็นคนแล้วจะสร้างความดีให้ไปเป็นเทวดาบ้าง
พรหมบ้างนี่แสนยาก เกิดมาไม่พบพระพุทธศาสนา จะหาเนื้อนาบุญในการสร้างความดีก็ไม่ได้
การช่วยเหลือเกื้อกูลสัตว์โลก การให้ทาน การสงเคราะห์สัตว์ต่างๆก็ให้ผลไม่ได้มาก
หากไม่รู้จักรักษาศีล ไม่รู้จักการเจริญสมถภาวนา วิปัสสนาภาวนาแล้ว
เห็นทีจะรอดพ้นนรกได้ยาก
ดังนั้นชาตินี้
ได้เกิดเป็นคนแล้ว ได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนา ได้พบคำสอนของครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยบุคคลอันหาได้ยาก
โอกาสแบบนี้ เกิดตายอีกกี่แสนกี่ล้านชาติจะได้เจอก็ไม่รู้
เมื่อเกิดมาได้พบเจอพระธรรมคำสอนที่ยังมีพระอริยสงฆ์ปฏิบัติรักษาเอาไว้ได้อยู่
เราควรที่จะพากเพียรขวนขวาย เอาชีวิตเข้าแลกเอาพระธรรมคำสั่งสอนนี้
มาประดับประทับที่จิตใจเรา ไม่ให้หลงระเริงมัวเมาไปกับกามโลกีย์
ไปเที่ยวเล่นสนุกสนาน เวลาแบบนี้มีน้อยนัก ไม่ถึงร้อยปีก็ต้องตายจากแล้ว
แต่เวลาที่เราทรมานในนรกยาวนานนับอสงไขยกัล์ป เกิดไปเป็นเปรต อสุรกาย
สัตว์เดรัจฉาน ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไรจะพ้นบ่วงแห่งทุกข์
นี่เราพ้นมาได้แค่คอแล้ว ได้มีโอกาสเงยหน้ามองพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้มีโอกาสฟังคำสอนของพระอริยสงฆ์แล้ว
เราจะทิ้งโอกาสแบบนี้ให้สูญเปล่าไปเรื่อยๆได้อย่างไร จะยอมกลับไปเป็นสัตว์นรก เปรต
อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานอีกเหรอ เราเคยเกิดในอบายภูมิมากมายถึงเพียงนั้น
น่าจะเพียงพอได้แล้วหรือยัง
เวลานั้นอายุ
19 ปี ก็รู้สึกว่าเวลาที่ผ่านมานี่เรามันทำตัวไร้ค่าเหลือเกิน ความเพียร ความสนใจ
ตั้งใจจริงในการปฏิบัติธรรมยังแย่มาก สมควรแล้วที่ต้องไปเกิดในอบายภูมิ
ตอนนั้นมัวแต่พิจารณาเรื่องแบบนี้ แล้วเกิดสลดใจในเวไนยสัตว์ทั้งหลาย
รวมทั้งตัวเราเองนี่แหละ ที่มีนิสัยฝักใฝ่แต่ในทางอบายภูมิ
แม้พระพุทธศาสนาบังเกิดอยู่ตรงหน้าแท้ๆแล้ว ก็ยังไม่มุมานะมุ่งมั่นในการบำเพ็ญบารมี
เวลานั้นเลยไม่ทันได้ไปสนใจว่าเคยเกิดเป็นกษัตริย์ไหม
เคยเป็นเศรษฐีหรือเปล่าเคยเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย นาคีนาคา ฯลฯ ไม่ได้สนใจเลย
รู้สึกสนใจแต่ว่าทำไมถึงไปเกิดอยู่ในอบายภูมิเยอะแยะขนาดนั้น เนิ่นนานขนาดนั้น
ผ่านพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ไม่รู้กี่พระองค์แล้ว ข้าฯก็ยังอยู่ในอบายภูมิเสียเป็นส่วนใหญ่
ข้าฯนี่มันระยำจริงๆนะ ว่าแล้วก็กราบเรียนถามท่านผู้มีพระคุณทั้งหลายว่า
นรกขุมไหนที่ข้าพระพุทธเจ้านิยมชมชอบ ไปอยู่บ่อยๆ อยู่นานๆบ้างครับ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น