บ้านทางสามแพร่ง

บ้านทางสามแพร่ง

                ย้ายบ้านมาเซ้งตึกแถวห้องหัวมุมอยู่ในตลาดบางขุนนนท์ ตรงทางสามแพร่งพอดี ซึ่งคนไทยมีความเชื่อว่าเป็นทางผีผ่าน และเวลาพวกร้อนวิชาอาคมจะปล่อยของจะผ่านทางสามแพร่งนี่เอง แต่เนื่องจากเราเป็นคนจีน ไม่ใช่คนไทยสักเท่าไร อาปามาจากเมืองจีน เลยไม่สนใจทางสามแพร่ง แม่ก็พอรู้แต่ว่าตัวเองดวงแข็ง อยู่ได้ไม่เป็นไร บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ตอนประถมก็เดินออกทางหลังบ้าน ตัดผ่านสวนยายเอิบ ผ่านสลัม ไปทะลุ โรงเรียนวัดศรีสุดาราม หรือวัดชีปะขาว ที่นี่เป็นโรงเรียนที่สุนทรภู่เรียนจบ ชั้นประถม 4 เมื่อจบแล้วก็ยังมาเป็นครูสอนอยู่ที่นี่อีกหลายปี วัดชีปะขาวนี้ อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตบางกอกน้อย เป็นวัดเก่าแก่มีประวัติมาตั้งแต่อยุธยาตอนปลาย

                ถัดจากวัดชีปะขาวไปไม่ไกลนัก เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปก็จะเจอตำหนักทรงแป๊ะกง และกิมท่งเอี๊ยะ ที่นี่ทั้งอาปากับแม่ เชื่อถือมาก และสนิทคุ้นเคยกับคนทรง ที่เราเรียกกันว่า ตั่งกีเจ่ก สมัยก่อนตั่งกีเจ่ก มีชีวิตที่ลำบากมาก เผาถ่านขาย พายเรือขายถ่านวันๆเนื้อตัวดำมอมแมม ได้เงินมาไม่กี่สตางค์ ลำบากยากจนมาก จนเทพเจ้าเห็นใจ มาเข้าฝันว่า ลื้อจะเอาวิชา หรือว่าลื้อจะเอาเงิน แหม...เทพเจ้านี่ก็ไม่น่าถามเลยนะ...ใครๆมันก็ต้องเอาเงินทั้งนั้นแหละนะ แต่ว่าเทพเจ้าองค์นี้ไม่ยอมให้เงิน บอกว่าให้เงินไปใช้แล้วก็หมด เอาวิชาดีกว่า จะได้ใช้วิชาช่วยคน ว่าแล้วก็สอนตั่งกีเจ๊กในสมาธิ นั่งสมาธิอยู่3วัน3คืน นั่งสั่นแหง่กๆๆๆ เมียเห็นว่าถ่านก็ไม่ไปขาย มานั่งขัดสมาธิ สั่นๆแบบนี้ ท่าจะบ้าแล้วมั๊ง เรียกก็ไม่ยอมฟัง พอผ่านไปวันที่ 3 เมียเอาฉี่ราดหัวเลย นัยว่าจะไล่ผี อะไรสักอย่างนึง

                ออกจากสมาธิมาได้ ตั่งกีเจ่กก็เล่าให้ฟังว่าเจ้ามาสอนวิชา แล้วบอกว่าใต้ดินตรงนี้มีรากไม้ขนาดใหญ่ ให้ขุดขึ้นมาทำเป็นรูปท่านสำหรับให้คนทั้งหลายบูชา ตั่งกีเจ่กก็ขุด ชวนคนมาช่วยกันขุด ขุดไปก็ไม่เจออะไร แกก็เข้าสมาธิคุยกับเทพเจ้าต่อ เทพเจ้าก็บอกว่ามีแต่ว่าอยู่ลึกกว่านี้ แกก็มาขุดต่อ ขุดจนหมดแรงข้าวต้ม ก็หยุด ไม่เจออะไร ตอนนี้นั่งสมาธิไปเจอเทพเจ้าแกก็โวยวายแล้วว่าหลอกให้แกขุด เทพเจ้าก็บอกว่า ใกล้จะเจอแล้ว ให้ไปขุดลงไปอีก แกก็ไปขุดเป็นรอบที่สาม คราวนี้เจอรากไม้ขนาดใหญ่ ก็ขุดเอาขึ้นมาล้าง เอาผ้ามาผูก เขียนเป็นตา จมูก ปาก ติดหนวดเครา ก็ดูๆไปคล้ายเทพเจ้าจีนองค์หนึ่ง


                เวลาตั่งกีเจ่กประทับทรงก็จะสั่นหน่อยๆแล้วก็จะเริ่มจากล้างมือ ตาก็จะเหลือกไปเหลือกมาแต่ว่าไม่ลืมตา เทพเจ้าที่มาเข้าทรงก็จะมี 2 องค์คือแป๊ะกง เหมือนเจ้าที่ แต่ว่ามีฤทธิ์เดชมิใช่น้อยทีเดียว กับอีกองค์นึงคือ กิมท่งเอี๊ยะ ซึ่งเป็นบริวารของเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่กวนอิมมีบริวารเป็นเด็กหญิงและเด็กชาย คือกิมท้ง และ เล่งนึ่ง เวลาประทับทรงกิมท้ง ก็จะใส่เอี๊ยมเหมือนเด็ก เฉือนลิ้นเอาเลือดเขียนฮู้ เขียนทีนึงเป็นร้อยใบ จนกลัวว่าเลือดจะหมดตัวหรือเปล่า นั่งบนเก้าอี้ดาบ จนกางเกงขาดพรุนไปหมด แต่ว่าไม่บาดเนื้อ เลือดไม่ไหล เวลามีงานประจำปีแต่ละครั้งนี่แทบจะปิดถนน ขบวนแห่ยาวมาก ตั่งกีเจ่ก เวลานั้นเก่งมาก อาปากับแม่เชื่อถือมาก จะประกอบกิจการงานใดก็จะต้องไปถาม มีเคราะห์มีโชคก็ต้องไปปรึกษา ตั่งกีเจ่กเสมอๆ รักษาโรคได้ ทำนายทายทักก็ตรง เชิญวิญญาณมาถามก็ได้ด้วยเช่นกัน น่าเสียดายที่ภายหลังเกิดผิดครูอะไรขึ้นมาไม่ทราบได้ จนทำให้ต้องกลายเป็นอัลไซเมอร์ อยู่หลายปีก่อนจะเสียชีวิต...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้