หลุมดำหรือโลกมืด ตอนที่1

หลุมดำและความระยำของข้าฯ

                เอามาเล่าเป็นนิทานขี้โม้เอาไว้ เพราะเห็นว่ามันแปลกประหลาดดี แต่ว่าอยู่ที่ไหนก็ขอไม่บอก เพราะเป็นอันตรายสำหรับนักปฏิบัติกรรมฐานผู้ใหม่อยู่  ผู้เก่าแล้วก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวด้วย เว้นเสียแต่ว่าเคยมีส่วนได้เกี่ยวข้องกันมาปางแต่ก่อนก็จะได้แวะเวียนมาดูให้พอรู้บ้างก็เท่านั้นเอง

                กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานสักเท่าไร นั่งทำสมาธิพอใจสบายๆ ไม่ได้ต้องการจะไปไหนอย่างไรเลย ก็ปรากฏว่าตัวเองไปอยู่ในที่แห่งหนึ่ง สถานที่นั้นมืดสนิท มองไม่เห็นแม้แต่เล็บมือของตัวเอง บรรยากาศก็เย็นเยียบ สัมผัสได้ว่ามีดวงจิตจำนวนมากอยู่ที่นั่น แม้ไม่ทุกข์ทรมานเหมือนในนรกที่เคยไปมา แต่ก็ไม่ได้มีความสุขอะไรนัก สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่หลากหลาย จากดวงจิตต่างๆ แต่เป็นพลังอำนาจด้านชั่วร้ายที่อำมหิต ติดอยู่ในโลกมืดนี้มาช้านาน หันมองไปทางไหนก็มืดไปหมด หาจุดสว่างแม้แต่จุดเดียวไม่ได้เลย และแน่นอนว่า มันหาทางออกจากโลกมืดนี้ก็ไม่ได้เสียด้วย เป็นแรงดึงดูดให้หมุนวนอยู่ในนั้นชั่วกัลป์สาน

                พุทโธอัปมาโน คุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าหาที่สุดที่ประมาณมิได้ ด้วยอำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง จึงกลับมาอยู่ที่ร่างเดิมนี้ได้ มาได้ยังไง ไปได้ยังไง ไม่ทราบเลยจริงๆ ออกจากสมาธิก็มานั่งพิจารณาว่าที่นี่ที่ไหน ก็ไม่ทราบว่าเป็นที่ใด จึงสมมติ ชื่อเอาเองว่าโลกมืด ต่อมาก็ได้แวะเข้าไปเป็นครั้งที่ 2 เมื่อได้ซักถามพูดคุยกันกับดวงจิตเหล่านั้นก็พอจะรู้อะไรต่อมิอะไรมาบ้าง แต่พอไปครั้งที่3 คือว่า กำลังจะไป หลวงปู่ครูบาท่านเรียกมาด่าซะก่อน สั่งให้หยุด ให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับด้านมืดนี้อีก ต่อมาได้มาพบมากราบหลวงปู่ครูบา วาระแรกที่พบท่านก็โดนด่าไปร่วม2ชั่วโมง ตอนเจอในสมาธิท่านไม่ได้ด่า ท่านสั่งห้าม เจอตัวเป็นๆท่านครั้งแรก ท่านด่าซะกระจาย ลูกศิษย์หายกันไปหมด เหลือเราโดนด่าหน้าปูเลี่ยนๆอยู่เพียงลำพัง

                ว่าถึงการไปในวาระที่ 2 เข้าไปถึงแล้ว ก็สอบถามพวกที่อาศัยอยู่ในนั้น ว่าทำยังไง หรือ เป็นมากันยังไงถึงมาอยู่กันที่แห่งนี้ แล้วที่แห่งนี้มีใครเป็นหัวหน้าผู้ปกครอง ดวงจิตที่อยู่ในนั้น จริงๆแล้วมีรูปร่างมีตัวมีตนอยู่ พอมาอยู่ใกล้ๆก็รู้สึกได้ว่ามีรูปร่างคล้ายกันกับคนนี่เอง สูงบ้าง ผอมบ้าง ตัวใหญ่บ้าง ตัวเล็กๆหลังค่อมๆก็มี ที่นี่ปกครองโดยเจ้านายใหญ่ ซึ่งก็รูปร่างใหญ่ สูงสัก 40 เมตรเห็นจะได้ นั่งแท่นที่ทำเหมือนกับเป็นหินตันๆ มีอำนาจมาก ใครซี้ซั้วเข้าไปโอกาสจะกลับออกมาได้นั้นแทบไม่มี ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้เข้าไปสถานที่แห่งนี้ ครูบาอาจารย์เก่งๆท่านรู้จักที่แห่งนี้ แต่ท่านเหมือนจะไม่เอ่ยปากบอกใครเช่นกัน เนื่องเพราะรู้ไปแล้วไม่เกิดประโยชน์ในการบรรลุมรรคผลแต่อย่างใด อีกทั้งยังอันตรายแก่นักปฏิบัติผู้สอดรู้สอดเห็นเข้าไปแล้วอาจจะกลับออกมาไม่ได้ ก็ให้สงสัยว่าแล้วทำไมข้าฯถึงเข้ามาได้แล้วกลับออกไปก็ได้


                ได้รับคำตอบจากดวงวิญญาณที่นั้นว่า “ท่านเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ท่านเป็นมือขวาของนายใหญ่ มีอำนาจมาก” แล้วแกก็เล่าต่อว่า นานมาแล้ว ท่านบอกว่าจะออกจากที่แห่งนี้เพื่อไปบำเพ็ญบารมี หากเมื่อใดบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จะกลับมาโปรดพวกเราที่นี่ ก็ถามต่อว่าแล้วทำไมพวกเจ้าถึงมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้ แล้วทำไมไม่ต้องไปตกนรก พวกยมทูตไม่มาลากคอไปลงนรกเหรอ? ก็ปรากฏว่าหมดหน้ากระดาษเสียก่อน ท่านผู้อ่านนิทานขี้โม้บอกว่า พิมพ์เล่ายาวเกินไป อ่านกันเหนื่อย ก็เลยขอให้พิมพ์ทีละน้อยๆ ทีละหน้าก็พอ ก็เป็นอันว่านิทานขี้โม้เรื่องหลุมดำต้องไปต่อครั้งหน้า...ส่วนเรื่องผีกะยักษ์หรือผีปอบที่ต้องจบลงแบบห้วนๆเพราะรำคาญแกมาทำตาแดงใส่ มาไม่ถึงตัวเราหรอกนะ แกก็เก่งได้ละแวกนั้นแหละ ไม่มีค่ารถมากรุงเทพฯ แต่ว่าเห็นทำท่าทำทางแล้วน่ารำคาญ เลยรีบจบเรื่องเล่าแต่ห้วนๆเท่านั้นเอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้