พญาครุฑ ตอนที่2

พญาครุฑ (ตอนที่2)

                จากลานกว้าง ซึ่งอยู่ค่อนๆไปทางจะยอดเขานั้น ท่านพญาครุฑก็พอเดินเข้าไปที่ปากถ้ำ มีขนาดกว้างใหญ่มาก มีแสงสว่างจ้า ออกมาถึงปากถ้ำ เดินเข้าไปก็จะเห็น พระพุทธรูป ปางสีหไสยาสตร์ หันพระพักต์ออกมาทางหน้าถ้ำ พระศกมีสีดำ ส่วนองค์ทั้งองค์เป็นทองคำเหลืองอร่ามสว่างไสว องค์ใหญ่มาก เมื่อเข้าไปใกล้ๆ ความสูงเราอยู่เพียงไม่ถึงกึ่งกลางพระโอษฐ์ขององค์พระพุทธรูป ใจก็นึกสงสัยว่าทำไมต้องเป็นพระพุทธรูปปางสีหไสยาสตร์ ก็ทราบว่า มีความเกี่ยวข้องกับพระราหู ทราบเพียงเท่านี้ แต่ว่าจะเกี่ยวข้องกันอย่างไร ก็ไม่ได้ถามต่อ เป็นอันว่า อยากทราบว่า ทำบุญอย่างไรจะได้มาเกิดเป็นพญาครุฑ

                เรื่องบุพเพนิวาสนุสติญาณ ก็ต้องกราบทูลถามพระ ถามหลวงพ่อ ก็ทราบว่า ครุฑพวกนี้ เมื่อครั้งยังเกิดเป็นมนุษย์ ในสมัยที่พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่นั้น เป็นผู้สนใจในการเข้าวัดทำบุญ มีจิตปรารถนาในด้านฤทธิ์ เป็นคนมีความจริงจัง เคร่งครัด รักในพระพุทธศาสนา มีความหวงแหน เวลามีเทศกาลงานบุญใดๆท่านเหล่านี้เต็มใจไปร่วมด้วย แต่ด้วยความเป็นคนจริงจังเคร่งครัด พอเห็นใครทำกริยาไม่ถูกต้องไม่สมควรจะเข้าไปดุไปว่า บางทีก็ด่าไปตรงๆ หน้าตาก็แสดงออกถึงความไม่พอใจ ขึงขัง คือความจริงแล้ว ท่านเหล่านี้เจตนาดีต่อพระพุทธศาสนา ต่อคนที่จะเข้ามาวัดทำบุญ แต่ทนเห็นคนที่เข้าวัดมาแล้วทำตัวรุ่มๆร่ามๆ ไม่รู้กาลเทศะ ท่านทนดูไม่ได้ ถ้าเป็นพญานาคนี่ท่านจะถลึงตาใส่ มีความโกรธไม่พอใจอยู่ แต่พญาครุฑนี่จะออกปากดุด่าว่ากล่าวกันเลย ผลกรรมนี้เมื่อตายลงไปแล้ว จึงมาเกิดเป็นพญาครุฑ มีปากเป็นจะงอยงุ้ม ดวงตาถลนโปนดุดัน แต่ด้วยผลบุญที่ท่านทำมาจึงมีความเป็นทิพย์และมีฤทธิ์มาก มีอายุยืนนาน

                วรรณะของพญาครุฑที่เห็นมีความแตกต่างกัน จริงๆแล้วก็ไม่เคยสนใจในเรื่องเหล่านี้เลย แล้วก็ไม่ได้ไปอ่านจากตำราที่ไหน เอาเป็นว่าท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอให้เข้าใจว่า นี่เป็นนิทานขี้โม้ อย่าเอาเป็นสาระจริงจัง อ่านเอาสนุกสนาน คิดเสียว่าคนบ้าเล่านิทานขี้โม้ก็แล้วกันนะครับ ท่านผู้เป็นใหญ่ที่นี้จะมีกายเป็นแก้วผสมทองคำ มีความเป็นประกายแวววาวสวยงาม มีใจเมตตา เอ็นดู ยังนึกเสียดายว่าถ้าท่านไม่พลาดท่าไปเสียก่อน ป่านนี้ด้วยคุณธรรมที่ท่านมี ฌานที่ท่านทรงได้นั้น สมควรจะไปเกิดบนชั้นพรหมโลกแล้ว มองผ่านไปอีกหลายท่าน ร่างกายเป็นสีทองเหลืองอร่ามไปทั้งองค์ ถัดไปจะเห็นพญาครุฑที่ร่างกายเป็นสีแดงดั่งเปลวไฟ ตาแดงก่ำ ในมือยังถืออาวุธ มีค้อนใหญ่บ้าง กระบองใหญ่บ้าง แตกต่างกันไป ท่านเหล่านี้โมโหง่าย ไม่ควรจะไปล้อเล่นด้วย ถัดไปไกลๆก็จะเห็นพญาครุฑที่ร่างกายเป็นสีเขียวเข้มจนเกือบดำ ในตาเป็นสีดำ ถัดไปอีกจะเป็นพญาครุฑที่สีดำสนิท ซึ่งก็ไม่น่าไปล้อเล่นด้วยอีกเช่นกัน


                แทบไม่ทันจะถามก็ได้คำตอบว่า แกเคยเกิดมาเป็นครุฑแล้วเช่นกัน จากนั้นก็ให้สงสัยว่า แล้วครุฑมีเมียไหม มีลูกหรือเปล่า ออกลูกเป็นไข่หรือว่าเป็นตัว เห็นพญานาคยังลือกันว่ามีไข่ แล้วเอาไข่พญานาคมาเร่ขายกัน ดูช่างน่าเห็นใจนัก อันนี้ก็ล้อเล่นนะครับ แต่ก็หวุดหวิดจะโดนด่า เป็นอันว่า พญาครุฑที่เป็นผู้หญิงท่านก็มีเหมือนกัน ไม่ได้เปลื้องผ้าเปลือยอก เหมือนอย่างรูปนางฟ้าข้างถุงกระดาษโชคดีหรอกนะ ท่านก็มีชุดใส่ปกปิดอวัยวะซ่อนเร้นอย่างดี หน้าตาเข้ม ดุดัน ล้อเล่นไม่ได้อีกเช่นกัน ที่นี่ดูแล้วทุกอย่างจะจริงจังไปเสียหมด การเกิดขึ้นของพญาครุฑนั้นท่านว่าอุบัติขึ้นเลย ไม่ได้มีการวางไข่ ฟักไข่ เหมือนไก่เหมือนนก ครุฑเด็กจึงไม่มีให้เห็น จะเห็นมีก็เป็นครุฑหนุ่มสาว ผู้ใหญ่แล้ว แต่แก่ๆหง่อมๆก็ไม่เห็นมี มองจากที่ลานหน้าปากถ้ำไปแล้ว จำนวนพญาครุฑมีมากมายกว่าที่เคยเดาเอาไว้ว่าคงมีไม่กี่ตน ดูไปแล้วจะหลายหมื่นตนด้วยกัน อยู่นานไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร ก็กราบลาทุกท่าน แล้วก็กราบขอขมา พระผู้มีพระภาคเจ้า หลวงปู่หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ หากข้าพเจ้าประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินอันใดไม่สมควร ก็กล่าวคำขอขมาพระรัตนตรัย เสร็จก็กราบลา กลับ... ไม่จำเป็นอะไรคงจะไม่แวะมาอีกน่ะครับ...ก็เป็นอันว่าขอจบเรื่องเล่าพญาครุฑประสานิทานขี้โม้เอาไว้แต่เพียงเท่านี้ สวัสดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้