ราชันย์ทะเลใต้ ตอนที่4


ราชันย์ทะเลใต้ ตอนที่4

                จะว่าไปตอนที่ผมสร้างเพื่อบรรจุกรุนั้น ระหว่างรอฤกษ์เทวาภิเษกและพุทธาภิเษก ผมก็ตั้งไว้หน้าหิ้งพระ ทุกวันหลังสวดมนต์ไหว้พระเสร็จ เวลาทำสมาธิ ก็จะไปหาท่านขอให้มาประสิทธิประสาทกำลังบารมีให้กับวัตถุมงคลที่ผมสร้างขึ้น ให้ผู้ที่ได้รับไปนั้นประสบความสำเร็จความเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยในทุกที่ทุกสถาน ในสมาธิก็เห็นท่านมา แผ่รังสีลงมาปกคลุมวัตถุมงคลจนสว่างแวววับหลากสีสัน ระหว่างนั้นก็ไปดูบุพกรรมที่เคยร่วมกันมา ก็เห็นว่าในสมัยหนึ่งเคยเกิดเป็นพี่น้องกัน ท่านเป็นพี่ชาย ผมเป็นน้องชาย ต่างก็เคารพรักใคร่กันดี มีการฝึกวิชาต่างๆด้วยกันมา เรื่องนี้รู้ไว้ในใจเฉยๆก็ไม่ได้เคยไปเล่าอะไรให้ใครฟัง

                สลับวันกันก็จะขออาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นประธาน หลวงปู่หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณทั้งหลายได้แผ่บารมีสงเคราะห์ให้ผู้ที่ได้รับวัตถุมงคลนี้ไปแล้ว มีจิตใจอันสงบร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ใครมีทุกข์ก็ขอให้ได้พ้นทุกข์ ใครมีสุขก็ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป เวลานั้นก็จะเห็นองค์สมเด็จฯเสด็จมา หลวงปู่ทวด หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤษี พรหมเทวดา มากันมากมาย เห็นเป็นละอองสีรุ้งโปรยปรายลงมายังวัตถุมงคลจนสว่างไสวไปทั่วทั้งห้องพระ ส่วนตัวเราเองก็ทรงกำลังสมาธิเอาไว้เฉยๆ เพราะไม่มีบุญญาบารมี ไม่มีปัญญา ไม่มีฤทธิ์อภิญญาอะไรเลย อีนี่กระจอกมากจริงๆ ได้แต่ขอพึ่งบารมีพระท่านสงเคราะห์ ครูบาอาจารย์ท่านมาสงเคราะห์ อาจจะมีดีอยู่สักอย่างนึงก็คือ เจตนาดี ทำเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ด้านนึงของวัตถุมงคลเป็นรูปองค์เทพ อีกด้านหนึ่งเป็นรูปสมเด็จองค์ปฐม โดยถือเอารูปพระพุทธชินราชย์เป็นองค์แทน ก็ทำแบบนี้ไปสลับไปคืนนึงขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ คืนนึงก็ขอบารมีเทพ

                การเคารพบูชาพระรัตนตรัยนั้น นับเอาศีลเป็นตัวตั้ง เป็นข้อถือสา ถ้าไม่มีศีลเสียแล้ว การทำสมาธิก็ทรงตัวไม่ได้ การทำทานก็ไม่เกิดผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย เหมือนกับเอาอาหารอันโอชะไปใส่ไว้ในภาชนะอันโสโครก ดังนั้นการเคารพนับถือพระรัตนตรัย ไม่ใช่ทำกันแต่ปาก ต้องรักษาศีล ฆราวาสอย่างน้อยมีศีล๕ จะให้ดีก็มีกรรมบถ10เพิ่มเข้าไปด้วย แต่ว่าการนับถือเทพนั้น จะยึดถือเอาสัจจะเป็นสำคัญ ถ้ารับปากแล้วต้องทำตามนั้น ถ้าสั่งให้ยึดถือข้อสัจจะใดๆแล้ว ก็ต้องยึดถือตามนั้นไป ไม่ให้มีข้อแม้ ผิดศีลได้ แต่ห้ามผิดสัจจะ

                การบูชาพระรัตนตรัยแล้วไปขอให้ รวย มีลาภ มียศ มีตำแหน่งใหญ่โต ก็คงจะมีเฉพาะคนโง่เท่านั้นที่ทำเช่นนี้ เพราะองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าและพระอริยสาวกนั้นทรงสละแล้วซึ่ง กิเสล ตัณหา อุปทาน หมดความยินดี ยินร้าย ในโลกธรรม 8 ท่านทรงสอนให้พวกเรารู้จัก ลด ละ เบื่อหน่าย คลายกำหนัด ออกจากกาม แล้วจะไปขอพระรัตนตรัยให้ ช่วยเพิ่มพูนลาภ ยศ กิเลส ตัณหา พระท่านจะส่งเสริมได้อย่างไรเล่า มันสวนทางกับคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ว่าเทพ หรือว่าพวกฤษีนี่ไม่เหมือนกัน ท่านเหล่านี้ยังมีกิเลส มีตัณหา มีพวกข้า พวกเอ็ง ดังนั้นถ้าพวกข้า ขอให้ช่วย ขอให้รวย ขอให้สำเร็จ เทพก็ดี ฤษีก็ตาม ท่านจะช่วยได้แต่ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเหมือนกันนะ เพราะในโลกของกิเลส มันไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ มันก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า แต่ในโลกของพระธรรมนั้น มีแต่ละ ไม่ต้องการสิ่งใดๆ มีแต่จะสลัดทิ้งออกไป แล้วจะเอาสิ่งตอบแทนมาเพื่ออะไรกัน

                ก็เลยแปลกใจนิดหน่อยกับสิ่งที่เราทำเรารู้อยู่คนเดียว แต่ว่าเทพในร่างคนกลับรู้ได้ทุกอย่างทั้งหมด พูดดักหน้าเอาไว้หมดเลยเหมือนกัน เหมือนๆกับที่ทักคนอื่นๆก่อนหน้านี้ทุกคน จากนั้นก็บอกต่อว่า กูช่วยได้หมดทุกคน ใครขอให้กูช่วยถ้ารักกูเคารพกู กูช่วยหมด จะดีจะเลวกูก็ช่วย ยกเว้นมึงคนเดียวที่กูช่วยไม่ได้จริงๆ ถ้ามึงไม่เชื่อจะให้กูกราบมึงตรงนี้ก็ได้ แต่เฉพาะมึง ที่กูช่วยไม่ได้ ไม่ใช่ว่ากูจะไม่ช่วย แต่ว่าถ้ามึงลาพุทธภูมิล่ะก็ กูช่วยมึงได้ แต่มึงมาไกลแล้ว มึงก็รู้ดีทุกอย่าง มีเรื่องอะไรจะถาม...ถามมา...
               

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้