ราชันย์ทะเลใต้ตอนที่๗


ราชันย์ทะเลใต้ตอนที่๗

                ท่านก็เล่าต่อว่า กัล์ปหน้า จะไปตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า องค์ที่๔ กัล์ปนี้มีพระพุทธเจ้า ๑๐ พระองค์ ท่านไม่ทันกัล์ปนี้ แล้วก็เล่าเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่องราวให้ฟัง จนมาถึงเวลาตี๓ ก็เป็นอันต้องแยกย้ายกันเสียที ก่อนแยกจากกัน ท่านก็ให้ยันต์ทะลุอุปสรรคมาผืนนึง ยันต์นี้ ตาขุนโหรเป็นคนเขียนเอาไว้ ตอนที่ตั้งปะรำพิธีอัญเชิญ

                หลังจากนั้นมา พอคนรู้ข่าวก็ฝากกันมาขอให้เขียนยันต์ให้ แล้วไหนๆก็เจอกับเรื่องราวอันไม่ค่อยจะน่าเชื่อสักเท่าไรนัก ยังไงเสียก็น่าจะลองดูว่าผลการเขียนยันต์มันจะเป็นไงนะ? จริงๆแล้ว มันอาจจะไม่ให้ผลอะไรเลยก็ได้ ไม่ลองไม่รู้ จะยังไงก็ขอลองสักที ถ้าไม่ได้ผลก็แล้วไป จะได้รู้ไว้ ถ้าได้ผล มันจะเป็นยังไงบ้างก็จะได้รู้ไว้ ว่าแล้วก็มีการเตรียมกระดาษสี 3 สี ปากกาเมจิก 3 สี ไหว้เสร็จก็อัญเชิญ เวลาอัญเชิญก็ไม่มีอะไร สูดลมหายใจเข้าเฮือกเดียวก็ถึงท่าน ท่านก็มานั่งข้างหน้า เรียกว่าลอยอยู่ตรงหน้าดีกว่า ห่างไปสัก 2 เมตร ท่านก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่า วันนี้จะเขียนยันต์ คือพร้อมมาตั้งแต่ยังไม่ได้อัญเชิญ บรรยากาศภายในห้องก็เริ่มอึดอัด เหมือนมีแรงกดดันเล็กๆน้อยๆ อัดอยู่ภายในห้อง ยันต์ก็ถูกเขียนขึ้นอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกก็เหมือนมีพลังแผ่ผ่านตัวเรามาลงที่แขนไปลงที่ปลายปากกาแล้วลงไปที่กระดาษ  สักพักก็รู้สึกว่า มันกินกำลังสมาธิเราด้วยนี่หว่า เริ่มรู้สึกเสียดายพลังการฝึกปรือหลายสิบปี ก็รีบเลิกๆซะ เขียนไปได้ 20-30แผ่น ก็เลิก เหงื่อซึมๆ เหนื่อยๆพอสมควร เห็นท่านนั่งยิ้มๆอยู่ตรงหน้า ก็เป็นอันรู้กันว่า ทำไมถึงต้องถ่ายทอดให้เรา เพราะผู้รับวิชานี้ต้องมีกำลังสติ มีกำลังสมาธิพอสมควร หาไม่แล้วก็ไม่สามารถประสานกับพลังที่แผ่ออกมาจากท่านได้

                หลังจากนั้นคนที่ขอเอาไปใช้ คือใครก็ไม่รู้ รายงานกลับมาว่า ไปเขียนชื่อนามสกุลและเรื่องที่ขอเอาไว้ด้านหลังแผ่นยันต์ เผาลงพื้นดิน ข้างๆโรงพยาบาล ขอให้พ่อที่อยู่ไอซียู ซึ่งไม่ได้สติ ไม่รู้สึกตัว และหมอก็หมดหนทางช่วยชีวิตแล้ว ได้ฟื้นคืนสติมาอีกครั้ง เขาก็เล่าฝากต่อๆกันมาว่า พอเผาลงดิน ก็มีลมหมุนตีขี้เถ้าแผ่นยันต์ที่เผาไป กระจายลอยฟุ้งขึ้นไปในอากาศ สักพัก พยาบาลก็โทรลงมาบอกว่า ให้รีบมาดูพ่อ เพราะฟื้นแล้ว อย่างไม่น่าเชื่อ

                แต่ละคนที่รายงานกลับมาก็บอกเล่าถึงความสำเร็จที่ได้ขอไป ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน ต่างๆ เขียนครั้งนั้นครั้งเดียวแล้วก็ไม่ได้เขียนอีกเลย แล้วเรื่องราวที่เล่าๆกันมา ข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยจะเชื่ออีกอยู่ดีครับ ข่าวลือมันก็เยอะ กระแสก็สร้างกันได้ ปากคนจะพูดอะไรก็พูดได้ พูดให้อีกาเป็นสีขาวก็ได้ พูดให้มดตัวเท่าแมวก็ได้

                วันเวลาผ่านไป กระแสที่เคยแรงๆก็ค่อยๆตกลงไป หายไปเรื่อยๆ มีแรงเทขาย ไปจนถึงแรงเททิ้งอยู่มากมาย เมื่อหายไปนานๆเข้าก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีโอกาสจึงแวะไปหาตามที่ท่านเคยบอกเอาไว้ พอไปถึง ท่านก็เรียกก่อนเลยว่า มาแล้วหรือวะ เอ็งดูนี่นะ แล้วก็ชี้มือไปบนท้องฟ้า เห็นดาวระยิบระยับมากมายบนท้องฟ้า ที่พื้นสีดำ ดาวประกายสว่าง มีดวงเล็กดวงใหญ่ เจิดจ้า ริบหรี่ กระพริบระยิบระยับ หยุดสว่างซีดๆอยู่นิ่งๆ แต่ว่าดวงดาวนับหลายๆล้านดวง กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า ก่อนที่ท่านจะอธิบายอย่างอื่นต่อไป ก็รีบบอกไปก่อนว่า กระผมแวะมาเยี่ยมเยียนเฉยๆ ไม่ได้จะมาเรียนวิชาหรอกครับ แล้วก็ถามไถ่เรื่องราว ถึงความเสื่อมที่เป็นไป ฟังแล้วก็รู้สึกสงสารมหาเทพ ที่มีจิตเมตตามหาศาล แต่ต้องมาเจอกับคนโลภ เห็นแก่ตัว เอาเปรียบ เห็นแก่ได้ สุดท้ายแล้วแม้แต่มหาเมตตา ก็ต้องถอยออกมา

                จนกระทั่งมาประกอบกิจการอยู่ตะวันออกกลาง ณ ที่แห่งนี้ เกิดความจำเป็นที่จะต้องเขียนยันต์ให้กับคนไทยที่ถูกรังแกในต่างแดน ถูกใช้งานเยี่ยงทาสในฟาร์มที่เจ้าของฟาร์มเป็นเชื้อพระวงศ์ ความเป็นไปได้ที่จะได้กลับเมืองไทยคือ 0 คือเป็นไปไม่ได้ และถ้าเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว ก็ขอลองใช้วิชาจตุคามศาสตร์ดูให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้งนึงเถอะว่าจะมีผลเป็นอย่างไร ว่าแล้วก็บอกให้เตรียมของสำหรับทำพิธีในต่างแดน อันแสนกันดาน จะไปหาข้าวของมาทำพิธีจากไหนล่ะ?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้