เมืองคนบ้า ตอนที่ 1


เมืองคนบ้า ตอนที่ 1


               ประมาณปี 2532 ผมได้ไปกราบหลวงพ่อพิทักษ์ ปริสุทโธ เพื่อขอเรียนวิธีการเจริญสติ ท่านเป็นพระธุดงค์ ธุดงค์มาจากไหนก็ไม่บอก และจะธุดงค์ไปไหนท่านก็ไม่บอก เพราะไม่เกี่ยวกับการเจริญสติ ท่านก็บอกว่าจะสอนสติ ให้ลองฝึกดู ถ้าไม่ได้ผลก็ไม่ต้องไปฝึกต่อ นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากผมได้รับการยืนยันว่า สำเร็จวิชา มโนมยิทธิแล้ว ท่องญาณ๘ ได้แล้ว และสามารถทำอสุภะกรรมฐานให้เข้าฌาน ๔ ได้ แล้วจู่ๆผมก็รู้ขึ้นมาเองว่า ผมไม่รู้ว่าสติคืออะไร สติที่แปลว่ารู้ ระลึกรู้ มันต้องรู้แบบไหนถึงเรียกว่า สติ เวลานั้นผมไม่รู้จริงๆ จนได้มาพบกับหลวงพ่อพิทักษ์ ฝึกกันเอาเป็นเอาตาย เพียงเพื่อจะรู้จักความหมายของคำว่าสติ คนไม่มีสติ มันก็คือคนบ้าดีๆนี่เองครับ ทุกๆวันช่วงบ่ายๆ ท่านจะเรียกไปหา แล้วเอานมกล่องให้กิน พร้อมกับเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง เหมือนเป็นการหยุดพัก ผ่อนคลาย ไปในตัว บ่ายวันหนึ่ง ท่านก็เล่านิทานเรื่อง ฤษี กับ ฝนที่ทำให้คนเป็นบ้า

               กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีฤาษีตนหนึ่ง บำเพ็ญบารมีมายาวนาน อาศรมฤาษีตนนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไป ครั้งนั้นฤาษีได้นิมิตเห็นว่า จะเกิดฝนวิปลาส ตกลงมาที่เมืองแห่งนี้ คนที่ถูกฝนวิปลาสนี้เข้า จะกลายเป็นคนวิปลาสไปในทันที จากคนดีก็เป็นคนบ้า เห็นดังนั้นฤาษีจึงเดินทางเข้าไปในเมือง ป่าวประกาศบอกชาวเมืองทุกคนว่า จะมีฝนวิปลาสตกลงมาในไม่ช้านี้ ขอให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้านอย่าออกมานอกบ้าน อย่ามาถูกฝน ไม่งั้นจะกลายเป็นบ้า สติวิปลาสกันไปหมด ท่านป่าวประกาศเสร็จแล้ว ก็เดินทางกลับอาศรม ไม่นานฝนก็ตกลงมา ชาวเมืองเห็นฝนตกก็ดีใจ ออกมาเล่นน้ำฝน แล้วก็สนุกสนานเฮฮา จากคนดีๆที่เคยทำมาหากินก็เปลี่ยนไปเที่ยวเล่นเฮฮา งานการไม่ทำ จากที่เป็นคนซื่อสัตย์ ก็กลายเป็นคนโกง ผิดลูกผิดเมียกัน อะไรที่เคยว่าดี ตอนนี้กลายเป็นไม่ดีไปหมดแล้ว อะไรที่ไม่ดีกลายเป็นดี เวลาเดินก็จะเดินถอยหลังแล้วหันหน้าไปข้างหลังแทน ชาวเมืองต่างก็เป็นแบบนี้กันไปหมดทั้งเมือง   ฤาษีก็อยากรู้ว่าชาวเมืองเป็นยังไงกันบ้าง จากที่ได้เตือนกันไปครานั้น จึงเดินทางเข้าเมืองไปดู ก็เห็นชาวเมืองต่างพากันเดินถอยหลังแล้วหันหน้าไปข้างหลัง ฤาษีก็รู้แล้วว่า ชาวเมืองถูกฝนวิปลาสเข้า ส่วนชาวเมืองพอเห็นฤาษีเดินไปข้างหน้า แล้วหันหน้ามาข้างหน้าด้วย ต่างก็พากันว่า ฤาษีนี้เป็นบ้าไปแล้ว ทำไมถึงเดินไปข้างหน้าแบบนี้ ที่ถูกต้องเดินอย่างพวกเรา แล้วชาวเมืองก็พากันขับไล่ฤาษีให้พ้นออกไปจากเมือง เรื่องแรกก็จบลง วันหลังมาหลวงพ่อท่านก็เล่าให้ฟังใหม่ว่า มีอีกคนนึงผูกเรื่องไว้แบบนี้

               มีเมืองอยู่เมืองหนึ่ง เจ้าเมืองเป็นคนดี มีศีล มีธรรม ปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุขมานาน ครั้นแล้วก็เกิดอาเพศ เป็นเหตุให้บ่อน้ำที่อยู่ท้ายเมืองเป็นพิษขึ้นมา ใครก็ตามที่กินน้ำในบ่อนี้เข้าไป จะกลายเป็นคนวิปริตร วิปลาส เห็นดีเป็นชั่ว เห็นชั่วเป็นดี จากคนดีๆก็กลายเป็นคนไร้ศีลธรรมกันไป เห็นการโกงว่าถูกต้อง เห็นเผด็จการว่าดีเหนือกว่าประชาธิปไตย อะไรประมาณนั้น ชาวเมืองก็ไม่มีใครเชื่อเจ้าเมืองหรอกครับ ไปตักน้ำที่บ่อท้ายเมืองมากินมาอาบกัน หลังจากนั้นก็เปลี่ยนแปลงกลับกลาย จากที่เป็นคนดีๆก็เป็นขี้เหล้าเมายา งานการไม่ทำมั่วเมียมั่วผัวมั่วลูกกันไปหมด จากคนสุภาพก็ชกต่อยตบตี ยิงแทงกัน วุ่นวายไปทั้งเมืองไปหมด แต่ว่าชาวเมืองบอกว่านี่คือ ดี ทำแบบนี้สิถึงเรียกว่าคนดี ฉกชิงวิ่งราว ปล้นกัน กินเหล้าเมายากัน โกงกัน แบบนี้คือคนดี พอมาเห็นเจ้าเมืองอยู่ในศีลในธรรม มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต มีความสุภาพ มีมารยาท ชาวเมืองก็เกิดความไม่พอใจ บอกว่าเจ้าเมืองเรานี้เป็นบ้าไปเสียแล้ว ทำไมไม่กินเหล้า สนุกกับผู้หญิงคนนั้นทีคนโน้นที เอาอย่างนี้พวกเราต้องช่วยเจ้าเมืองของเราให้หายบ้า ว่าแล้วก็พากันจับเจ้าเมืองไปโยนลงบ่อน้ำท้ายเมือง เจ้าเมืองว่ายน้ำไม่เป็นก็สำลักกินน้ำเข้าไป ก็เอะอะโวยวาย ด่าว่าชาวเมือง พวกชาวเมืองก็ดีใจว่า นี่เจ้าเมืองเราหายบ้าแล้ว เจ้าเมืองเป็นคนดีเหมือนอย่างพวกเราแล้ว

               นิทานก็จบลงเป็นอันว่าชาวเมืองพากันเป็นคนบ้าไปหมด แต่เข้าใจว่าตัวเองเป็นคนดี แล้วหลวงพ่อก็พูดถึงพระสงฆ์รูปหนึ่งว่า ท่านปฏิบัติธรรมไป ไม่บรรลุธรรมอะไรหรอก ก็นั่งเคร่ง พูดน้อย สงบเสงี่ยม ทำตัวให้ดูน่าเคารพศรัทธา มีเสกน้ำมนต์ก็ทำ ปลุกเสกอะไรชาวบ้านขอให้ทำท่านก็ทำให้หมด ชาวบ้านก็ว่าท่านดีจริงๆ ภายหลังท่านปฏิบัติจนบรรลุธรรมแล้ว ท่านก็เลิกทุกอย่าง ไม่เอาอะไรแล้วทั้งนั้น ชาวบ้านก็พากันมาหาว่าท่านเป็นบ้าไปแล้ว ทำไมถึงทำอย่างนี้ แต่ก่อนเคยทำดีๆอยู่เดี๋ยวนี้ไม่เอาอะไรแล้วนี้ ท่านบ้าไปแล้ว... หลวงพ่อท่านก็ว่า “เฮาบ้าสูว่าเฮาดี เฮาดีดีสูว่าเฮาบ้า” กลายเป็นปริศนาธรรมให้ชาวบ้านได้ขบคิด แล้วท่านก็เปรียบว่า อย่างคุณนี่ชาวบ้านเขาก็เรียกว่าบ้า เพราะวัยรุ่นปกติดีๆนี่เขาต้องไปเที่ยวเล่นสนุกสนานเฮฮา แต่ว่าคุณกลับมาเข้าวัด มาฝึกจงกรมก็เดินกลับไปกลับมา คนดีๆเขาไม่ทำกันหรอก ก็เป็นอันสรุปว่าผมเป็นคนบ้านะครับ แล้วด้วยความบ้านี้เอง ก็บังเอิญไปเห็นเหตุการณ์บ้าๆของบ้านเมืองหนึ่ง ในช่วงปี 2549 จะเป็นยังไงเดี๋ยวรอเล่าตอนต่อไปครับ...ตอนนี้ขอไปกินยาแก้บ้าก่อน...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้