เมืองคนบ้า ตอนที่ 2


เมืองคนบ้า ตอนที่ 2


               เนื่องจากช่วงนี้มีความบ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ จึงถือโอกาสมาเล่านิทานระบายความบ้าเอาไว้ในนี้ ก็ขอให้ท่านผู้อ่านอย่าได้ถือสา เพราะว่าเป็นนิทาน นิทานตอนนี้เกิดขึ้นที่ เมืองเมืองหนึ่ง ขอให้ชื่อว่า เมือง สิแอ่ม ที่เมืองสิแอ่มนี้ เป็นเมืองที่คนโอบอ้อมอารี มีน้ำใจไมตรีต่อกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกันไป อะลุ้มอล่วย มีใจรักในคุณธรรม ปี 2549 ผมก็ฝันไป เรียกว่าฝันดีกว่าครับ เพราะจะได้เข้ากันได้ดีกับนิทาน ฝันไปเห็นนายทหารใหญ่ของเมืองนี้ เขาไปเชิญคนที่มีวิชาอาคมไสยดำ มาด้วยกันหลายคน เห็นจะ 7-8 คน มาร่วมกันทำพิธีกรรมอยู่อย่างหนึ่ง พิธีกรรมที่ว่านี้คือการเรียกเอาเจตภูต จากขุมนรกขึ้นมาสิงสู่คน ฝันไปเวลานั้นเป็นช่วงเลยกลางปี 2549 แล้ว หลุมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสัก2เมตรกว่า เห็นจะได้ คนที่ทำพิธีก็นั่งสวดงึมงำๆ ไปรอบๆหลุมดังกล่าว

               การสวดกินเวลาไม่นาน ก็เกิดร่างคล้ายๆคน ปีนขึ้นมาจากหลุม แต่ว่าหน้าตาไม่มี มีหัว แขน ขา ตัว ดูออกว่าเหมือนคน แต่ว่าดำไปหมด ดำเหมือนน้ำมันดิบ การขึ้นมาจากหลุมก็คล้ายๆการคืบขึ้นมา พอเวลาพ้นจากหลุม ก็ยังยืนไม่ได้ เหมือนคนนอนทอดอยู่บนพื้น แล้วก็เคลื่อนที่โดยการลื่นไถลไป เคลื่อนไปเรื่อยๆ จนไปเจอกับ คนจริงๆ คือประชากรของเมือง สิแอ่ม ก็จะเคลื่อนเข้าไปทางหลังส้นเท้าแล้วเคลื่อนขึ้นมาแนบเข้ากับข้างหลัง จากนั้นก็ซึมหายเข้าไปในร่างกายของคน เรื่องนี้ก็แปลกประหลาด หรืออาจจะเพราะตั้งแต่เกิดมาจำความได้ ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวอะไรแบบนี้มาก่อน เพราะอย่างนี้ไงล่ะครับ ผมถึงได้บอกว่ามันเป็นนิทาน เพราะพอเป็นนิทานแล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก อ่านเอาเพลินก็พอ

               หลังจากเจตภูตนี้ซึมเข้าไปในร่างของคนแล้ว อารมณ์ของคนๆนั้นก็แปรเปลี่ยนไป จากที่เคยมีน้ำใจไมตรี ก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เคยยิ้มแย้มแจ่มใส ก็กลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย เอะอะอะไรก็ตวาด ขึ้นเสียง ด่าด้วยคำหยาบๆคายๆอย่างที่ไม่เคยใช้ด่ามาก่อน คอยจ้องจับผิดคิดร้ายคนอื่นบ้าง แต่งเรื่องใส่ร้ายป้ายสีก็ทำได้ กลายเป็นคนนิยมความรุนแรง นิยมอบายมุข เห็นอบายมุขว่าดี การมีเพศสัมพันธุ์กันเห็นว่าเป็นเรื่องเท่ ยางอายที่เคยมีไม่รู้มันหายไปไหนกันหมด เห็นใครทำดีไม่ได้เลย พวกนี้จะหมั่นไส้ หาเรื่องไปจับผิด หาเรื่องไปด่าเขาจนได้

               เจตภูตเมือกดำนี่มันขึ้นมาเรื่อยๆ คนที่ทำพิธีก็ขยายปากหลุมให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ มันขึ้นมาแล้วก็ทำแบบเดียวกัน คือเข้าไปแฝงในร่างกายคน ทำให้คนๆนั้นมีนิสัยเปลี่ยนไป แล้วพอไปเจอพวกเดียวกัน นิสัยเหมือนกัน มันก็เลยรวมกลุ่มกัน กลายเป็นคนพูดร้าย ปั้นเรื่องร้ายๆมากล่าวหาใส่ความคนดีๆ แล้วพวกมันกันเองต่างก็เชื่อกันเป็นตุเป็นตะ โดยไม่ฟังเหตุผล อาศัยว่าถ้าพวกเราบอกอย่างไรแสดงว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ ผมว่าไอ้พวกนี้มันท่าจะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะ ก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดเสียว่าเป็นความฝัน ฝันบ้าๆบอๆเสียด้วย

               ผ่านมาปี 2550 ก็ฝันไปเห็นเข้าที่เดิม คนกลุ่มเดิมๆ ฝันซ้ำๆ แต่ว่าครั้งนี้หลุมมันกว้างขึ้นมาก ขยายใหญ่ขนาด สนามบาสเก็ตบอล คนทำพิธี 7-8 คน ก็นั่งอยู่รอบๆหลุม นั่งห่างๆกัน ส่วนนายทหารใหญ่คนนั้น ไม่ได้ทำพิธีด้วย เหมือนจะเป็นหัวหน้าคอยบงการวางแผนอะไรสักอย่างหนึ่ง และเป็นคนไปหาคนมาทำพิธี คนทำพิธีนี่ก็เก่งขั้นเทพ คนทำไสยศาสตร์หาไม่ยาก แต่ว่าคนที่เก่งขนาดเปิดแผ่นดินทะลุนรกขึ้นมาได้นี่หาแทบไม่เจอเลยจริงๆ หลุมนี้ถ้ามองลงไป จะเห็นไฟนรกลุกไหม้แดงฉาน อยู่ลึกลงไปมาก มีเจตภูต หรือสัตว์นรก หรือจะเรียกว่าตัวอะไรดีก็ไม่ทราบได้ คืบคลานผ่านผนังขึ้นมา มองไปที่ผนังเปลวความร้อนยังส่องมาจนทำให้ผนังร้อนแรง ออกสีส้มแดง เหมือนเปลวไฟลุกอยู่บนผนัง แต่เจตภูตเมือกดำนี้ก็คืบผ่านมาเรื่อยๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไรกับความร้อน แล้วก็คืบผ่านไปบนแผ่นดิน มันเยอะขึ้นมากๆ มองไปไกลๆเหมือนเป็นทากดำๆ คืบผ่านไป แล้วก็ใช้วิธีเดิม คือเข้าทางข้างหลังเท้า แล้วคืบไปตามแผ่นหลัง ก็ซึมหายเข้าไปในตัวคน สภาพเหมือนคนตัวดำๆ ยืนอยู่ข้างหลัง แล้วเดินหายเข้าไปในร่างกายของคน

               คราวนี้เมืองสิแอ่มก็เริ่มวุ่นวายคล้ายเมืองคนบ้าไปแล้วสิครับ นิทานในฝันครั้งนี้ก็ฝันเห็นว่า เจตภูตเมือกดำนี้ มันเข้าไปแทรกซึมคนบางคนไม่ได้ ก็สงสัยว่าทำไมถึงมีบางคนที่มันเข้าไปแทรกซึมไม่ได้ มองๆไปเห็นกายข้างในของคนพวกนี้เป็นเหมือนแสงนีออนสว่าง ขาว บ้างก็สว่างใส บ้างก็สว่างจ้า จนเจตภูตพวกนี้เข้าใกล้ไม่ได้ก็มี ท่านผู้อ่านก็คงเดาได้แล้วว่าคนจำพวกไหนที่เข้าไม่ได้ ถ้าจะเฉลยก็จะกลายเป็นการดูแคลนสติปัญญาท่านผู้อ่าน ที่มีประสบการณ์การอ่านนิทานขี้โม้มาจนถึงทุกวันนี้

               ความสงสัยว่าทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ก็เลยต้องย้อนมาถามตัวหัวหน้า นายทหารใหญ่ ถามตรงๆก็คงไม่มีใครยอมบอก ต้องลองถามใจเธอดู เหมือนชื่อเพลงอะไรสักอย่างนี่แหละ แต่ว่าตามประสานิทานขี้โม้นี้ ก็สมมติเรียกว่า เจโตปริยญาน ควบกับอตีตังสญาน และบุพเพนิวาสนุสติญาน เพื่อให้รู้ว่าเขาคิดอะไร วางแผนอะไรอยู่ หวังหรือต้องการอะไร และในอดีตของเขาเป็นใคร มีกรรมเกี่ยวข้องกันมาอย่างไรถึงมาทำแบบนี้กับคนในเมืองสิแอ่มได้ลงคอ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้