ตายยังไงดี?


ตายยังไงดี?


            นิทานส่งท้ายปีเก่า บางคนอาจจะไม่ได้ต้อนรับปีใหม่ เพราะว่าหลายคนเกิดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ ตายเสียก่อน ความตายเป็นเรื่องน่ากลัวของปุถุชนคนทั้งหลาย นำมาซึ่งความโศกเศร้าเสียใจทั้งผู้ที่ตายเองและคนใกล้ชิดที่รักใคร่ชอบพอกัน แต่ก็ไม่ได้นำมาซึ่งความเสียใจกับคนที่ไม่รู้จักกันหรือเป็นศัตรูกันก็อาจจะดีใจ

          คนส่วนใหญ่ก็คงไม่มีใครอยากจะตายกันทั้งนั้นครับ ทุกๆปีอาม่าก็จะไปขอต่ออายุให้อาก่ง ที่ศาลเจ้าพ่อเสือตรงแถวเสาชิงช้า ถนนตะนาว ไม่ไกลจากวัดมหรรณ บ้านเก่า บ้านเกิดของผมเอง ริมคลองหลอด บนข้าวสาร น้ำมัน ชุดแม่ทัพ หัวหมู ซาแซ โหงวแซ เสร็จแล้วก็เสี่ยงเซียมซี พอได้หมายเลขแล้วก็ต้องโยน โป่ย เพื่อเสี่ยงทายก่อน ถ้าคว่ำอันหงายอันก็แสดงว่า ทำนายถูกต้องแล้ว หรือว่าสำเร็จ ถ้าคว่ำทั้งคู่หรือหงายทั้งคู่ก็แสดงว่าไม่สำเร็จ อาม่าก็จะบนเพิ่ม ต่ออายุไปทีละปีสองปี จนในที่สุดแล้วก็ต่อไม่ได้ เสี่ยงออกมายังไงก็ตายสถานเดียว อาม่าจิตตก สลดใจ ในที่สุดปีนั้นอาก่งก็เป็นบิดถ่ายเป็นเลือดแล้วก็ตาย อาม่าอยู่มาอีกหลายปี กินข้าวเหนียวมะม่วงร้าน ก.พาณิชย์ ได้อีกหลายฤดูกาล จนในที่สุดอาม่าก็ตาย

          ในอดีตจนถึงปัจจุบันแม้ในอนาคต คนหรือสัตว์ที่เกิดแล้วไม่ตายนั้นย่อมจะไม่มี ผมผ่านช่วงเวลาที่เห็นคนตายมาก็มากพอสมควร ทั้งที่ตายทรมาน ตายกะทันหัน ป่วยตาย อุบัติเหตุตาย นอกจากดูคนตายแล้วผมสนใจคนรอบๆข้างของคนใกล้ตายด้วยครับ โดยมากก็จะให้นึกถึงพระเอาไว้บ้าง ท่องพุทโธๆๆๆ พยายามพูดกรอกหูคนใกล้จะตายบ้าง แล้วผมก็ดูกำลังใจของคนใกล้ตายเวลามีคนรอบข้างเข้ามาแวดล้อมบอกให้สวดให้ท่องต่างๆ ดูไปว่าบุพกรรมที่เขาทำเอาไว้ตอนยังมีชีวิตอยู่ ทั้งเรื่องของกรรมดีและกรรมชั่ว ดูไปรอบๆว่าเวลานี้มีท่านใดจะมารับบ้างไหม ดูไปว่าตายแล้วไปที่ไหน ก็ตามไปถามท่านผู้มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมกรรมดีกรรมชั่ว คือลุงพุฒิ การไปๆมาๆแบบนี้สำหรับผมแล้วก็ขอให้ท่านทั้งหลายคิดเสียว่าเป็นการมโนฯ ตามประสาคนเล่านิทาน เป็นนิทานขี้โม้เท่านั้นเองนะครับ ท่านใดอยากจะรู้
ความจริงก็รอให้ตายไปก่อน หลังจากตายไปแล้วท่านก็จะได้พบกับความจริง ไม่ใช่นิทานขี้โม้แบบนี้

          เท่าที่เห็น โดยมากของคนที่ตายไปแล้วนั้นจะไม่ได้ไปสุคติภูมิหรอกครับ หาได้น้อยมาก คนที่ไปทุคติภูมินั้นมีมากกว่ามาก หลายวันก่อนก็นึกไปถึงว่า ท่านนักการเมืองที่ตายไปแล้ว จากจังหวัดพิจิตรและจังหวัดสุพรรณ เวลานี้ท่านทั้งสองไปอยู่ที่ไหน? ก็ไปเห็นท่านทั้งสองนี้ไปอยู่ในที่แห่งเดียวกัน ซึ่งไม่เหมาะจะเล่าแม้ว่าจะเป็นนิทานก็ตาม มาว่าถึงคนที่ไม่ค่อยได้เข้าวัดทำบุญ แต่ว่าตายแล้วไปสู่สุคติแม้จะน้อยกว่าน้อยก็ยังมี คนพวกนี้มีจิตใจดีงาม มีความรู้สึกปรารถนาดีต่อคนและสัตว์ทั้งหลาย กล่าวคือ เมื่อเห็นคนหรือสัตว์มีทุกข์ มีความลำบาก ถ้าตนเองช่วยได้จะตรงเข้าไปช่วยทันทีไม่มีเงื่อนไขข้อแม้ ถ้าช่วยเองไม่ได้ก็จะให้คำแนะนำเพื่อไปหาคนที่พอจะช่วยได้ เห็นใครมีความสุขก็พลอยยินดีไปกับเขาด้วย และเมื่อเห็นใครประมาทพลาดพลั้งพลาดท่าเสียทีก็ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม คนแบบนี้แม้ไม่ค่อยจะเข้าวัดทำบุญ ก็ยังเห็นได้ว่าไปเกิดในที่สุคติภูมิ ซึ่งถ้าจะสูงไปกว่านี้ก็เป็นคนที่มีลักษณะดังที่ว่ามานี้ แล้วก็เข้าวัด ทำบุญ สวดมนต์บ้าง ให้ทานอยู่เรื่อยๆ ยินดีในทานที่ได้ทำลงไป พวกนี้ดียิ่งขึ้น เวลาตายคนแบบนี้ตายไม่ทรมาน แต่ก็มีหลายคนด้วยกันที่ตายลงด้วยอุบัติเหตุ ตายแบบกะทันหัน ก็จะมีอาการตกใจอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นพอนึกอะไรได้ก็จะไปเสวยบุญที่ตนเองทำมาอยู่เป็นประจำ ตามจิตใจที่มุ่งในสิ่งที่ดีงามอยู่เสมอๆ

          พวกนี้ที่เจอบ่อยแล้วอยากจะเล่าเอาไว้เป็นอุทธาหรณ์ คือพวกที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการเกิดมา เรียน กิน นอน เที่ยว ทำงาน มีครอบครัว สนุกสนาน วิ่งไล่หาความสำเร็จ ทำบุญตามเทศกาล พอเวลารู้ตัวว่าใกล้จะตาย ก็รีบทำบุญ ทำทาน ญาติพี่น้องคนใกล้ชิด แนะนำให้ไปทำที่ไหน ทำอะไร ก็ไปทำกับเขาทุกอย่าง ไม่ได้ทำเพราะว่ารู้ลึกซึ้งในผลบุญต่างๆหรอก แต่หวังว่าทำบุญแล้วจะรอดตายได้ หรือว่าถ้าไม่รอดตายก็ให้ไปสู่สุคติภพ อย่าไปตกระกำลำบาก บางคนทำชั่วมากบ้างน้อยบ้างมาแทบจะทั้งชีวิต พอใกล้ๆรู้ตัวว่าจะตายแล้วก็รีบทำสารพัดบุญ ใครว่าทำบุญกับเกจิองค์ไหนดีๆเก่งๆไปมาหมด จะไกลแค่ไหนก็ไป คนพวกนี้ตายไปมักจะไม่ค่อยรอด เพราะอะไร? อะไรที่คิดบ่อยๆ พูดบ่อยๆ ทำบ่อยๆ มันก็จะกลายเป็นนิสัย นิสัยที่ทำอยู่บ่อยๆมันก็จะกลายเป็นสันดาน แล้วสันดานนี้ก็แก้ยากมากเสียด้วย บางคนเรียกการทำบ่อยๆนี้ว่าเป็นการบันทึกบุญ หรือบันทึกบาป จะมาแก้กันตอนท้ายๆมันไม่ค่อยจะทันครับ พอใกล้จะตายจริงๆมีคนเอาบทสวดมนต์ต่างๆไปเปิดให้ฟัง ไปกระซิบข้างหูว่า ให้ท่องพุทโธๆๆๆ เอาไว้นะ ไอ้ตัวคนกระซิบนี่ก็ไม่เคยท่องเหมือนกันนะ แต่เสือกจะไปแนะนำเขา ไอ้คนที่ใกล้จะตายร่างกายมันก็เครียด ทรมาน พอมีคนมากระซิบแบบนี้ให้ มันก็รำคาญ แต่ว่าพูดไม่ได้แล้ว เพราะว่าใกล้จะตาย พอตายปุ๊บก็ไปอบายภูมิทันที ไอ้คนที่คอยกระซิบไม่รู้เรื่องก็ดีใจ ข้าได้ทำหน้าที่ลูก ได้ทำหน้าที่เมีย อันประเสริฐแล้ว ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า... ที่ไหนได้ ไอ้คนที่ตายลงนรกไปเรียบร้อยแล้วเพราะว่า “กูรำคาญโว้ยยยย”

          ดังนั้นแล้วท่านทั้งหลาย อย่าให้ใกล้ตายแล้วค่อยมาท่องพุทโธ อย่าให้ใกล้ตายแล้วค่อยมาสวดมนต์ มาทำบุญ ทำทาน ยังไงๆท่านทั้งหลายก็ต้องตาย สิ่งที่ควรต้องทำคือ ทำให้มันชิน ท่านจะชินกับการด่าพ่อล่อแม่คน หรือจะชินกับการบริกรรมพุทโธ จะชินกับการนินทาว่าร้ายคน หรือจะชินต่อการคิดปรารถนาดีต่อคนและสัตว์ทั้งหลาย ท่านจะชินต่อการอวดเก่งอวดดีหาเงินหาทองเก่ง หรือท่านจะชินกับการช่วยเหลือคนพูดให้กำลังใจคนชินต่อการสวดมนต์ภาวนา ท่านต้องเลือกที่จะทำ ทำบ่อยๆก็จะเป็นนิสัย นิสัยที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องมันก็จะกลายเป็นสันดาน พอเป็นสันดานดีแล้ว เวลาใกล้จะตายท่านจะบริกรรมพุทโธเอง ไม่ต้องให้ใครมากระซิบ เสียงสวดมนต์ก็ฟังแล้วไม่รำคาญ

          บริกรรมพุทโธจนชิน เอาแค่ไหนถึงเรียกว่าชิน ในฐานะที่เป็นวิศวกร มันต้องมีตัวชี้วัดได้ เอาความรู้สึกว่าชินมันก็อารมณ์ไปหน่อย เอาเป็นว่า “เวลาฝัน เกิดฝันถึงเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นมา คำว่าพุทโธ จะบริกรรมขึ้นมาได้เองโดยอัตโนมัติ” ถ้ามีอาการแบบนี้น่าจะเรียกได้ว่า “ชินกับคำบริกรรม” ถ้าขนาดว่าในฝัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นมายังบริกรรมคำว่าพุทโธ เวลาที่ตื่นอยู่รู้สึกตัวอยู่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็แน่นอนว่าคำบริกรรมพุทโธจะเกิดขึ้นเอง จะตกใจ จะกลัว เกิดเรื่องร้ายๆ ในใจจะมีคำบริกรรมพุทโธเกิดขึ้นเอง แล้วจะมีสติตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวมากนัก คนที่บริกรรมจนเป็นสันดานแบบนี้แล้ว เวลาตาย ถ้าตายจากอุบัติเหตุ จะเห็นเป็นลำแสงสว่างพุ่งเข้ามาที่ตรงหน้า สว่างจ้าแล้วตัวเองก็พุ่งไปตามแสงสว่างนั้นเองโดยอัตโนมัติ หลังแสงสว่างนั้นก็จะเป็นอีกภพภูมินึงที่ดีงาม แต่ถ้าค่อยๆตายลงไป แบบนี้คำบริกรรมจะแน่นมาก จะมีเสียงใครมากระซิบข้างหูว่าพุทโธๆ ก็ไม่สนใจครับ ใครจะเป็นจะตายไม่รู้เหมือนกัน ใครจะร้องไห้ ดีใจเสียใจ โนสน โนแคร์ แกจะพุทโธเอาไว้แนบแน่นอยู่อย่างนั้น บางท่านจะเห็นผู้ที่มารับ แล้วลุกเดินตามไป บางท่านจะเห็นภพที่ตนเองไป ยิ้มน้อยๆแล้วก็จากไป ตายยังไงดี? ตายแบบนี้แหละครับดีกว่า? อย่าไปสุกเอาเผากินจะมาพุทโธกันตอนใกล้จะตาย ทำเสียตั้งแต่วันนี้ อีกกี่ปีจะตายก็ช่าง ทำไปตลอดจนเป็นสันดาน หรือทางพระเรียกว่า วสี หมายถึงทำจนชินหรือจนเป็นอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับไม่ต้องนึกถึงก็บริกรรมแบบนั้นเองอยู่ตลอด แบบนี้ตายดีค่อนข้างแน่นอนครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้