อุทิศส่วนกุศลให้ได้อานิสงส์สูงสุด


อุทิศส่วนกุศลให้ได้อานิสงส์สูงสุด


          เวลาทำบุญก็ดี ทำทานก็ดี หรือจะสวดมนต์ เจริญภาวนาทั้งหลาย จบลงด้วยการแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล เราท่านทั้งหลายก็เคยทำกันมาอย่างเป็นปกติ สมัยวิชาพุทธศาสนาตอนมัธยม พระท่านมาสอน ก็แนะนำให้แผ่เมตตา เป็นร้อยกรองว่า “ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล บุญกุศลแผ่ไปให้ไพศาล ถึงบิดรมารดาครูอาจารย์ ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน คนเคยร่วมเคยรักสมัครใคร่ จงมีส่วนได้บุญกุศลผลของฉัน ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัญ ขอให้ท่านได้กุศลผลนี้เทอญ” หลังๆมาเห็นว่า คนเคยร่วมเคยรักสมัครใคร่ ฟังดูแล้วมันออกจะไม่สุภาพสักเท่าไหร่ บางคนจะคิดมากไปได้ ทั้งที่จริงๆแล้วก็คงหมายถึงแฟนนานุแฟนทั้งหลาย เหล่าภรรยาทั้งปวง การอุทิศให้ก็สมควรอยู่นะ แต่ก็เอาเถอะครับ เพื่อความสบายใจ บางท่านก็เปลี่ยนไปเป็นว่า คนเคยร่วมทำงานการทั้งหลาย คำว่าหลายก็พอสัมผัสกับคำว่าได้ในวรรคถัดไป

          มีการแผ่อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปทั่วทั้งจักรวาล ทุกทิศทุกทางให้กับสรรพสัตว์และดวงวิญญาณทั้งหลาย แล้วก็ยังมีการแผ่เมตตาให้กับสามภพภูมิ หรือว่า สามแดนโลกธาตุ บางท่านก็มีการสัพเพฯให้กับดวงวิญญาณเร่ร่อนให้เปลี่ยนภพภูมิ โดยอาศัยลูกแก้วเป็นสื่อกลางก็มี ในสมัยก่อนก็จะใช้วิธีการกรวดน้ำ คนเฒ่าคนแก่จะออกเสียงว่า ตรวจ-น้ำ ซึ่งเป็นพิธีทางพราหมณ์เค้าทำกัน แต่ว่าคนไทยรับเอามาหลายลัทธิหลายพิธีกรรมมาก บ้างก็คิดประดิษฐ์พิธีการใหม่ๆกันขึ้นมา

          ผมเองก็ทำมาหมดแล้วทุกอย่างเลยนะครับ ใครว่าอะไรดี สถานที่ไหนเขาจัดให้ทำแบบไหนผมก็ทำตามไป ประสาเข้าเมืองตาหลิ่วก็เหล่ตาตาม ทีนี้พอมาฟังหลวงพ่อท่านบอกว่าให้อธิษฐานแล้วอุทิศส่วนกุศลก่อนจะนำของไปถวายพระหรือทำบุญต่างๆ เพราะระหว่างที่กำลังทำ หรือว่าหลังจากทำเสร็จ มันอาจจะยุ่งๆ วุ่นวาย ใจไม่ทันได้รวมเป็นสมาธิ เอาตอนที่เตรียมของจะไปถวายนี่แหละ อธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้เรียบร้อยก่อนเลย ในใจผมก็ค้านว่ายังไม่ได้ทำบุญถวายพระเลยแล้วจะอุทิศก่อนได้ไงล่ะครับ อันนี้ก็เราโง่เองแหละ หลวงพ่อบอกว่าบุญมันเกิดตั้งแต่แกตั้งใจจะทำบุญแล้ว ไม่ใช่จะมาเกิดเอาตอนที่แกยกประเคนของ แล้วท่านก็ยกตัวอย่างเรื่องเทพธิดาดอกบวบ นี่ทางด้านฝ่ายบุญ ส่วนทางด้านฝ่ายบาปท่านยกตัวอย่างของ กากะเปรต นี่กินของที่เขาเตรียมไว้ กำลังจะไปใส่บาตร โฉบมากินข้าวไป3คำ ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินได้ฟังกันมาแล้วนะครับ แล้วหลวงพ่อก็เตือนว่า เวลาอุทิศส่วนกุศลก็อย่าลืมเทวดาที่ปกปักรักษาตัวเราเองด้วย ไม่ใช่อุทิศให้ทั่วไปหมดแต่ว่าลืมอุทิศเทวดาที่ปกปักรักษาตัวเรา แล้วก็อย่าลืมท่านท้าวพระยายมราช เพื่อให้ท่านเป็นสักขีพยานหากว่าเราเกิดพลาดท่าเสียที(ซึ่งมีโอกาสสูง) ไปลงนรก เวลาผ่านสำนักพระยายม ท่านพระยายมราชจะได้บอกกับเราถึงผลบุญที่เราได้เคยทำมา ท่านเคยได้รับอุทิศส่วนกุศลก็จะเป็นพยานให้กับเราได้ จะทำให้เราได้ไปเสวยผลบุญก่อน(หลังจากหมดบุญก็ค่อยมาลงนรกนะจ๊ะ)

          การอุทิศผลบุญอย่างเฉพาะเจาะจงนั้นให้อานิสงส์โดยตรงต่อผู้ที่เรามุ่งหวัง ซึ่งมักจะเป็นการอุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร ส่วนการอุทิศให้ผีที่เคยเกี่ยวข้องกันมา หากว่าท่านที่ได้ทิพยจักขุญาณก็จะเห็นว่าผีตนนั้นได้รับผลบุญ เปลี่ยนภพภูมิไปเป็นเทวดาหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนไปเป็นเทวดาแล้วหลวงพ่อก็แนะนำว่าให้ขอท่านกลับไปว่า ขอให้ท่านมาช่วยคุ้มครองเราไปจนตลอดชีวิต หากจะเกิดเหตุเภทภัยอันตรายใดๆกับข้าพเจ้าหากไม่เกินกฎของกรรมขอให้ท่านช่วยให้พ้นจากภัยนั้นๆ หรือหากช่วยไม่ได้ก็ขอให้มาเตือนให้รู้ให้ระวัง ที่ต้องบอกว่าไม่เกินกฎของกรรม ก็เพราะว่าถ้าเป็นกฎของกรรมแล้วใครก็ช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นถ้าหากเทวดารับปากไปแล้วไม่สามารถทำได้เทวดาก็ผิดสัจจะ ท่านก็ไม่กล้ารับ จึงต้องบอกกรณียกเว้นให้ท่านได้พอมีทางหลีกเลี่ยงบ้าง ส่วนที่อุทิศให้กับดวงวิญญาณเร่ร่อนผีไม่มีญาติต่างๆแล้วไม่เปลี่ยนภพภูมินั้น ก็แล้วแต่เขาล่ะนะ เพราะว่าเวลามีชีวิตอยู่ไม่สู้จะทำบุญกัน พอตายแล้วก็มาเร่ร่อนเที่ยวขอส่วนบุญ อันนี้มันก็ลำบากแหละ ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ใครไม่ทำอะไรก็ไม่ได้อะไร เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ

          ผีเร่ร่อนแห่งเมืองSIAMนี้ โดยมากไม่ทำบุญ เกกมะเหรกเกเร เอารัดเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ผีคอรัปชั่นทั้งหลาย พวกนี้ถ้าตายตามอายุขัยก็ไปนรก แต่ว่าตายก่อนหมดอายุขัย ยังเป็นวิญญาณเร่ร่อน สันดานเดิมตอนมีชีวิตอยู่เป็นอย่างไรตายไปก็เป็นแบบนั้นเอง พอมีคนทำบุญอุทิศให้ ก็มีพละกำลังขึ้น คุณว่าผีพวกนี้มันจะเป็นไงครับ คิดเอาเองละกันนะครับ พิมพ์กระแซะหน่อยเดียวพวกมาประท้วงข้างๆหูเอาซะนี่ แหม...เวลาพวกเอ็งทำอะไรลงไปไม่สำนึก พอจะโดนแฉเข้าหน่อยทำโวยวาย ดราม่า ถึงไม่เล่าต่อ ท่านผู้อ่านเขาก็คิดเอาเองได้เว้ย.... เพราะว่าถ้าเป็นคนดีๆ ทำบุญสุนทาน สวดมนต์ภาวนา เวลาตายเขาก็ตายตามอายุขัย ตายแล้วก็ไปสุคติภพ เขาไม่มาเร่ร่อนแบบนี้หรอก...

          การอุทิศส่วนกุศลที่ให้อานิสงส์สูงสุด ในความเห็นของผมคือการอุทิศส่วนกุศลให้กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พระโพธิสัตย์ทุกๆพระองค์ หลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ เพราะอะไร? สมัยรุ่นๆผมคิดนะว่า เราทำบุญทำทานเพียงเล็กน้อยแค่นี้ จะเอาผลบุญนี้อุทิศให้กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพ้นทุกข์จากวัฏสงสาร ผู้เป็นใหญ่ในสามโลก เป็นผู้ที่มีบุญบารมีสูงสุด เรามันกระจอกเพียงนี้ เหมือนเอาเมล็ดถั่ว1เมล็ดไปถวายพระเจ้าจักรพรรดิ เห็นจะไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่ง อันนี้ผมเข้าใจผิดอย่างแรงครับ

          สมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ระหว่างที่ท่องญาณ๘ในสมัยนั้น ผมได้มีโอกาสถวายพวงมาลัยดอกไม้ต่อหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานตามที่ครูนำพาถวาย เวลานั้นก็เห็นองค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับไว้แล้วประทานพรให้ เกิดเป็นแสงสว่างสาดมาทั่วกายเป็นประกายระยิบระยับ นับเป็นพลังใจอันมหาศาลที่รับรู้ได้ ต่อมาได้มีโอกาสเห็นหลวงปู่ดู่นำอาหารขึ้นไปถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าบนพระนิพพาน ในเมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานไปแล้ว พระองค์จะมาฉันอาหารเหล่านี้ได้ยังไง โดนด่าสิครับพี่น้อง หลวงปู่ท่านว่าการถวายเป็นการแสดงความเคารพนอบน้อม เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที เป็นเรื่องของการทำความดี ใครๆก็รู้ว่าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ได้ทรงเสวยอาหารเหล่านี้ แต่ว่านี่คือกริยาของคนดีเขาทำกัน (ไอ้คนระยำอย่างเรามันจะไปเข้าใจได้ไง) เพราะที่เห็นคือองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงยกพระหัตขวาขึ้นมาประทานพร แสงสว่างปกคลุมไปทั่วทั้งอาหารที่เป็นนิมิตถวายอยู่บนพระนิพพาน และอาหารจริงๆที่ตั้งอยู่ที่ตรงหน้าหลวงปู่ดู่ จากอาหารที่ญาติโยมถวายธรรมดา กลายเป็นอาหารที่ได้รับพระบารมี คล้ายๆกับการปลุกเสกวัตถุมงคล อาหารก็กลายเป็นวัตถุมงคลที่กินได้ขึ้นมา เรื่องแบบนี้เล่าไปก็เหมือนจะไม่สมควร จึงบันทึกไว้ในนิทานขี้โม้ ที่ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าผมเน้นคำว่านิทาน และ ขี้โม้ บ่อยๆ เพื่อป้องกันท่านที่คิดจะปรามาส เอาไปพูดดูถูกในทางที่ไม่ดีนั้น จะได้ไม่ต้องได้รับผลบาป การจะเล่าเรื่องเหล่านี้ แม้จะพอมีประโยชน์กับหลายๆท่าน แม้ว่าจะมีเจตนาดีในการเล่าก็ตาม ก็ไม่ควรจะทำให้คนที่เขาหลบหลู่ดูแคลนปรามาสต้องมาได้รับผลบาป เพราะจะเหมือนเราเป็นต้นเหตุให้เขาเหล่านั้นมีบาป ถ้าเราไม่เล่าเขาก็ไม่ด่า เมื่อเขาไม่ด่าเขาก็ไม่บาป แต่เมื่อเราเล่าแล้วเขาด่า เราก็ต้องคิดเผื่อเขาเอาไว้ด้วยว่า ทำยังไงเขาด่าแล้วจะไม่บาป จึงได้เน้นบ่อยๆว่า นี่คือนิทาน และ ขี้โม้ด้วย ท่านที่อ่านมาเจอผมทักแบบนี้บ่อยๆก็อาจจะรู้สึกรำคาญ แต่ขอได้โปรดเห็นเจตนารมณ์ที่ผมเอ่ยถึงบ่อยๆนี้ ก็เพื่อไม่ให้คนที่เขาไม่เข้าใจในเนื้อแท้นั้น ต้องมาเป็นบาปกับตัวเขาเอง ส่วนตัวผมถ้าด่ามาที่ผมนี่ ผมไม่ถือสานะครับ ด่างานเขียนผมได้ ผมไม่ถือโทษ ดังนั้นไม่ต้องมาขออโหสิกรรมกับผม เพราะผมกับท่านไม่มีกรรมต่อกัน ถ้าผมโกรธ ถ้าผมถือโทษเมื่อไหร่ ท่านค่อยมาขอโทษ หรือมาขออโหสิกรรม แต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายด่าผมแล้วผมโกรธ ถือโทษ ผมก็เห็นว่าผมยังเลวอยู่มากเลวกว่าคนที่มาด่าผมเสียอีก ดังนั้นเรื่องเลวๆของผมแม้จะยังมีอยู่ ยังขจัดไม่หมดก็ตาม แต่ก็พยายามไม่เอามาใส่เพิ่มอีกน่ะครับ

          ผมไปอ่านเจอคำแนะนำของหลวงปู่ดู่ว่า ถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้กับครูบาอาจารย์พระอริยเจ้า เราอุทิศไปให้ท่านเท่าไหร่ ท่านจะอุทิศกลับมาให้เราเป็น7เท่า อันนี้ก็ต้องลองดูนะครับ พออุทิศส่วนกุศลไปให้กับหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ จะหลวงพ่อฤษีก็ดี หลวงพ่อปานก็ดี หลวงปู่ดู่ก็ดี หลวงพ่อทวดก็ตาม กระแสบุญที่อุทิศไปจากเรานั้นเป็นลำแสงสว่าง จางๆนวลๆนุ่มๆแผ่ออกไปจากบริเวณหัวและหน้าผาก ไปถึงครูบาอาจารย์ ก็จะเห็นท่านลอยอยู่เหนือหัว เยื้องไปด้านหน้าหน่อยๆ มองเห็นท่านยิ้มด้วยความเมตตา แล้วท่านก็โมทนา แผ่อุทิศส่วนกุศลกลับมา เป็นลำแสงสว่างจ้าหนาแน่นสาดมาปกคลุมตัวเราทั้งตัว จะ7เท่า 10 เท่าหรือเปล่าผมไม่สามารถจะทราบได้หรอก เพราะไม่รู้ว่าจะวัดจากอะไร แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือพลังแห่งเมตตา ความสว่างไสว ปีติยินดี ที่ช่วยให้เรามีพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมได้ สรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย สรรพเคราะห์ เสนียดจัญไร เหมือนจะหายไปจากตัวเราทั้งหมดในเวลานั้น

          นับแต่นั้นมา เวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศล ผมจะไม่คิดว่าบุญที่ผมทำนั้นน้อยนิด กระจอกงอกง่อยอีกต่อไป บุญทั้งหลายที่ทำก็จะอุทิศถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสงฆ์ทุกๆพระองค์ พระโพธิสัตย์ทุกๆพระองค์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ในทุกภพทุกชาติ เทวดาที่ปกปักรักษาข้าพเจ้าและพระยายมราช ส่วนพวกสัมภเวสีผีเร่ร่อนถ้าทำตัวดีๆก็จะอุทิศให้ ถ้าทำตัวร้ายๆก็ไม่ได้อุทิศให้หรอกนะครับ ให้แล้วมันมีกำลังย้อนมาทำร้ายกันอีก คนเนรคุณตายไปก็เป็นผีเนรคุณ จะช่วยเหลืออะไรใครก็ใช้ปัญญาด้วย ไม่ใช่หลับหูหลับตาช่วย แล้วจะมาบอกว่าทำดีไม่ได้ดี ทำคุณคนไม่ขึ้น ทำคุณผีก็ไม่ขึ้น ไม่ได้ดูตัวเองเล๊ย...

          ผลของการอุทิศส่วนกุศลให้กับเทวดาที่คอยปกปักรักษาคุ้มครองตัวเรา ก็คือเวลาจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับเรา ท่านจะมาเตือนเสมอๆ เวลาจะเดินทางไกล ถ้าอาการทางใจไม่ดี อึดอัดคับข้องใจ หงุดหงิดกระวนกระวาย ก็ไม่ต้องเดินทาง เพราะเดินทางไปก็ไม่ถึงจุดหมายปลายทางอย่างสวัสดิภาพแน่นอน หรือจะเซ็นต์สัญญาข้อตกลงต่างๆ ท่านจะมาแสดงอาการให้เห็นถึงความอึดอัด ติดขัดต่างๆ ก็ให้หยุดระงับเอาไว้ก่อน เรื่องแบบนี้ผมเคยลองหลายครั้งครับ จะต้องเดินทางไกลไปร้อยเอ็ดเทวดาท่านก็มาเตือนทันทีว่าไม่ให้ไป ก็ถามท่านว่าจะเกิดเรื่องใช่ไหม ท่านว่าใช่ ถามท่านว่าเรื่องอะไร ท่านไม่ตอบ ถามท่านต่อว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ใช่ไหม ท่านว่าใช่ ถามว่าจะเกิดช่วงไหน ท่านไม่ตอบ ถามว่าจะถึงแก่ชีวิตไหม ท่านว่าไม่ถึงแก่ชีวิต เนื่องจากมันเป็นงานสำคัญก็เลยจำเป็นต้องไป แล้วก็เกิดอุบัติเหตุตามนั้น ไปถึงงานได้ ก็เสียเงินซ่อมรถไปไม่มาก ไม่บาดเจ็บ ผมเป็นคนดื้อพอสมควร หลังจากนั้นผมก็ลองอีก2-3ครั้ง ก็ได้รับความเสียหายตามนั้นทุกทีไป ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่เวลาท่านเตือนมาหลังๆนี่ก็ไม่ลองแล้วครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้