อภิญญารักษาโรค


อภิญญารักษาโรค



          ผมเคยสงสัยเรื่องการใช้สมาธิรักษาโรค การใช้พลังจิตรักษาโรค ทำได้อย่างไร ทำกันอย่างไร ทำได้ขนาดนี้ โรงพยาบาลก็ไม่ต้องมีก็ได้? ถ้าใช้สมาธิอภิญญารักษาโรคต่างๆได้หมด ในครั้งพุทธกาลจะมีหมอชีวกฯไปเพื่ออะไร? ทำไมแม้แต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงคุณสูงสุด มีอภิญญาสูงสุด ก็ยังมีการประชวรและยังต้องมีหมอชีวกฯคอยดูแลถวายพระโอสถ? ทำไมคนที่รักษาโรคด้วยพลังจิตอภิญญาแล้วต้องรับทุกข์รับโรคของคนป่วยเข้าตัว จนมีการบอกให้ทำบุญมากๆ ทำสมาธิภาวนามากๆ บริจาคเยอะๆ ไม่งั้นโรคภัยเคราะห์กรรมทั้งหลายจะเข้าตัว ทำให้ป่วย ทุกข์ยากลำบากฯลฯ ก็ทั้งๆที่เป็นการช่วยเหลือคนที่เขาเป็นทุกข์ มันต้องได้บุญ เมื่อได้บุญก็ต้องมีความสุข สุขภาพแข็งแรง มิใช่หรือ? ถ้าการรักษาโรคให้กับคนป่วยที่เป็นทุกข์ขนาดนั้นแล้ว กรรมจะเข้าตัวด้วย เจ้ากรรมนายเวรจะมารุมเล่นงานด้วย แบบนี้พวกที่เป็นหมอเป็นพยาบาล ทั้งเมืองไทยและเมืองนอก ไม่ต้องรับผลกรรมต่างๆ ถูกเจ้ากรรมนายเวรตามเล่นงานหรอกหรือ? 

          ท่านผู้อ่านอาจจะอยากด่าความขี้สงสัยของผมก็เป็นได้ ความเป็นคนคิดนอกคอก ตะแบง สีข้างถู แต่ผมก็เชื่อว่าหลายๆคนก็คงสงสัยเหมือนผมเช่นกัน แต่เราอยู่ในประเทศที่พูดไม่ค่อยได้ สงสัยคือผิด ปรามาส ลบหลู่ สำหรับผมแล้ว ความสงสัยก่อให้เกิดคำถาม เมื่อมีคำถามก็ต้องมีการหาคำตอบ เมื่อได้คำตอบแล้วอาจจะทำให้เกิดข้อสงสัยต่อ แต่ก็เพราะคนเรามีสมองเอาไว้คิดไง ถ้าไม่มีสมอง ก็ไม่ต้องคิด เมื่อไม่ต้องคิดก็ไม่เกิดความสงสัย เมื่อสงสัย จึงเกิดการค้นคว้า ทดลอง เพื่อค้นหาคำตอบ กระบวนการนี้คือ Know how ทำให้เกิดปัญญา ดังนั้น ความสงสัย สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่ความผิด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นคว้าต่างหากล่ะ การจะถามว่า ทำไมผมถึงไม่เชื่อ... มันเหมือนการโยนความผิดทั้งหมดมาลงที่ผมแต่เพียงผู้เดียว ทำไมไม่ลองถามกลับไปบ้างว่า ทำไมคุณถึงทำให้ผมเชื่อไม่ได้? การที่คนๆหนึ่งไม่เชื่อ อาจไม่ใช่เพราะเขาดื้อด้าน โง่งมงาย ตะแบง แต่อาจเป็นเพราะคนทั้งหลายไม่สามารถพิสูจน์ให้เขาเชื่อก็เป็นได้ จริงป่ะ?

          ผมเคยไปหาหมอเทวดาใช้ใบพลูกับเทียนไขผ่าตัดเนื้องอก เนื้อร้ายมะเร็ง พาพี่ๆน้าๆที่วัดไปทดลองด้วย ดูคนที่เข้าไปรักษาด้วย จะว่าไปก็อยากจะไปนั่งจับผิดว่าเขาหลอกลวงหรือเปล่า เคยได้ยินตั้งแต่สมัยวัยรุ่นผ่านไปกว่าสิบปีจึงได้ไปลอง นั่งดูกันตรงหน้าจะจะ จับผิดไม่ได้ว่าทำไมถึงมีไขมันเส้นเลือดฝอยทะลักออกมาตอนที่แทงเทียนไขทะลุใบพลู9ใบ แต่เรื่องแบบนี้นักมายากลก็ทำได้ครับ บางคนทำได้ดีกว่านี้เยอะ เราอาจจะไม่รู้ทริกก็เป็นได้นะครับ มีผู้ชายที่หินปูนเกาะท้ายทอย หันหน้าไม่ได้ ไปผ่าก็เป็นหินปูนก้อนๆเท่าเม็ดถั่วเขียวปนกับไขมันเหลวๆเละๆออกมาเยอะพอสมควร ลุกขึ้นมาก็หันหน้าได้ อันนี้ก็อาจจะเป็นหน้าม้าได้ไหมครับ ว่าแล้วก็ถึงคิวพี่ๆน้าๆไปผ่าไขมันที่กล่องเสียง เพราะพูดไม่ออก กับไปผ่าไขมันที่เกาะรอบตา ทำให้ตาหนักน้ำตาไหล ลืมตาไม่ค่อยขึ้น 2 รายที่ไปผ่านี้มาด้วยกัน ผลก็ออกมาว่าอาการดีขึ้นทันทีทั้งสองราย ค่าครูคนละ500บาท ลุงหมอเทวดาเอาไปทำบุญตามวัดและสถานที่ต่างๆมากมาย ตอนหลังไปหานี่ลุงตายไปแล้ว คนแถวนั้นบอกว่าน่าจะมีคนรับถ่ายทอดวิชาไปรักษาคนต่อนะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ตอนนั้นสอบถามดูก็ได้ความแบบเดียวกันว่าต้องทำบุญมากๆ ไม่งั้นโรคที่รักษาไปนั้นมันจะเข้าตัวได้

          ผมเจอหลวงปู่ครูบา ท่านช่วยรักษาผู้ป่วยมะเร็ง โดยการใช้พลังสมาธิในการรักษา อาการของผู้ป่วยดีขึ้นทันทีในวันนั้นเลย แต่ผลคือหลวงปู่อาพาธลุกไม่ขึ้นไปเลยเหมือนกัน ท่านไม่ปริปากบ่นแต่อย่างใดเพียงแต่บอกว่าต้องการพัก ไม่นานนักหลวงปู่ครูบาก็อาพาธหนัก ทรุด และมรณภาพไปในที่สุด
          ศิษย์ผู้พี่ท่านหนึ่งเล่าว่าไปกราบหลวงพ่อหมา ท่านรักษามะเร็งโดยการดูดเอาเชื้อมะเร็งเข้าไปไว้ในตัวท่าน ตอนที่ศิษย์พี่ไปกราบท่านก็เป็นวาระสุดท้ายแล้ว ทั่วทั้งร่างกายของหลวงพ่อไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่เป็นมะเร็ง น้ำเหลืองน้ำหนองเฟะออกมาส่งกลิ่นเหม็นผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ แต่หลวงพ่อก็ยังยิ้มให้ทุกคนอย่างเมตตา

          ฟังเรื่องเล่ากันต่อๆมาว่า เจ้ากรรมนายเวรที่ลงโทษคนเหล่านั้นให้เจ็บป่วย เมื่อถูกรักษาด้วยพลังสมาธิ พลังจิต อภิญญา จนหายป่วย เจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้จึงหันมาเล่นงานคนรักษาแทน เพราะไปฝืนกฎแห่งกรรม คนรักษาก็ต้องชดใช้กรรมแทนคนป่วยเหล่านั้น ถ้างั้นแล้วหมอ พยาบาล ที่รักษาคนป่วยทำไมถึงไม่ต้องรับกรรมแทนผู้ป่วย? เหตุการณ์ที่เจอกับตัวเองคือ หลังจากวิจัยพัฒนาครีมขมิ้นสำหรับรักษาแผลเบาหวาน แผลกดทับ แผลเปื่อย ออกมาให้ทดลองใช้ หลายคนที่เป็นแผลเบาหวาน แผลกดทับ นำไปใช้แล้ว สามารถรักษาแผลจนหายเป็นปกติได้ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่กล้าใช้ ลังเล จนในที่สุดแผลติดเชื้อเข้าสู่กระแสโลหิต เสียชีวิต อีกรายนึงคือได้ครีมไปแล้ว หมอไม่ให้ใช้ ก็ไม่กล้าใช้ ให้ผู้ป่วยทรมานเกือบปี จนไม่ไหวแล้ว ตัดสินใจลองใช้ดู ไม่ถึง10วันแผลติดเชื้อเป็นหนองก็หาย ทำให้คิดว่าการรักษาจากหมอ จากพยาบาล ด้วยยาปกติทั่วไปนั้น ไม่ได้เป็นการจำเพาะเจาะจงไปว่าต้องรักษาให้หายให้ได้ เพราะถ้าคนป่วยมีกรรมของเขา เขาก็จะไม่ยอมรับการรักษาหรือญาติเขาไม่เอาด้วยก็ไม่รักษา สุดท้ายจะเจ็บปวดทรมานหรือจะเสียชีวิตก็สุดแท้แต่กรรม ซึ่งต่างจากการใช้อภิญญารักษา ที่รักษาแล้วต้องหายให้เห็นกันเลย เหมือนไปบังคับหรือฝืนกฎของกรรม


          บางคนเป็นมะเร็ง กินเซรั่มสกัดยี่ห้อบัวไหล อันมีสรรพคุณเฉพาะด้าน เป็นมะเร็งน้ำเหลืองระยะสุดท้ายก็หาย คนเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ฉี่เป็นเลือด ปวดทรมานจนช็อคเข้า ไอซียู ออกมากินไป2ขวดอาการดีขึ้น ก็กินต่อเนื่อง ส่วนบางรายที่ลังเลบ้าง หรือลองกินไปแล้วดีขึ้นแล้วหยุด ไปรักษาวิธีต่างๆ สุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นไปตามกฎของกรรม แบบนี้ไม่เป็นการฝืน คนผลิตเซรั่มก็ไม่ต้องรับกรรม ไม่มีความผิด เพราะถ้าคนป่วยจะหาย เขาก็จะกินต่อ จนกระทั่งหาย ถ้าคนมันจะตาย เขาจะไม่กิน หรือกินนิดๆแล้วเลิก หันไปกินอย่างอื่นแทน ดังนั้นหมอ พยาบาล ที่รักษาผู้ป่วย ก็มีทั้งที่หาย ที่ตาย และที่หนีหมอไปรักษาด้วยวิธีต่างๆตามคำบอกเล่าของคนรอบข้าง หมอ พยาบาลจึงไม่ต้องมารับกรรมอะไร
          การรักษาด้วยสมาธิ อำนาจจิต ฤทธิ์อภิญญา ก็รักษาได้ แต่ผู้รักษาได้รับผลกระทบไปด้วย ส่งให้หมอ ให้ทางรพ.รักษา ก็จะไม่ต้องรับผลกระทบ หายก็ดี ตายก็เผา

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้