โลกคู่ขนาน ตอนที่ 3


โลกคู่ขนาน ตอนที่3


          เรื่องที่ไม่กล้าเล่าที่ไหนมาก่อน เล่าไปแล้วก็ยังเกรงว่าจะทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ แต่ถ้าไม่เล่าเอาไว้ เรื่องราวที่เคยผ่านเคยเจอ ก็คงหายสาบสูญไป จึงขอให้ท่านผู้อ่าน อย่าได้ถือสา คิดว่าคนบ้าเพ้อเจ้อ เล่านิทานขี้โม้เอาไว้ ให้เป็นเพียงความบันเทิง บ้าๆบอๆก็แล้วกันนะครับ

          จักรวาลนับหมื่นนับแสนจักรวาลนั้น เวลาจะไปสำรวจแม้จะเป็นการอาศัยกำลังใจในการเดินทางไปสำรวจก็ไม่สามารถไปได้จนทั่วทุกจักรวาล คำว่านับหมื่นนับแสนจักรวาลนั้น หากจะว่าไปแล้ว ต้องนับว่าหลายแสนล้านจักรวาล จนอดีตที่ผ่านมาไม่มีใครเคยเห็นว่าสุดขอบของหมู่จักรวาลทั้งหลายเป็นอย่างไรกันแน่
          กาลครั้งหนึ่ง ไม่นานสักเท่าไหร่ การฝึกฝนทางจิตนั้น เพื่อให้มีกำลังจิตสูงมากยิ่งๆขึ้น ย่อมต้องฝึกฝนให้จิตของตนแผ่ขยายอาณาเขตออกไปได้กว้างขวางมากยิ่งๆขึ้น การจะแผ่ขยายอาณาเขตของอำนาจจิตนี้ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อการอวดข่มใคร ไม่ได้นำไปใช้เพื่อให้ใครมาเคารพนบนอบ แต่เป็นการแผ่เมตตา ตามอย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านได้เคยกระทำเอาไว้ กล่าวคือการแผ่เมตตาไปในทุกๆจักรวาล ไปในทิศทั้ง ๘ ไปจนสุดขอบของหมู่จักรวาลทุกๆด้าน แผ่กระแสจิตแห่งความปรารถนาดีให้ทุกๆชีวิตพ้นทุกข์ มีความสุข ให้เกิดสันติในใจของสรรพชีวิต แผ่ไปยังความว่าง และไม่ว่าง สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ที่มีดวงจิต และไม่มีดวงจิต เมตตาที่ไม่มีที่สุดที่ประมาณ ไม่มีเงื่อนไขใดๆมาเป็นเครื่องบังคับ ไม่มีขอบเขตแห่งเมตตา กระแสจิตแห่งเมตตา ปรารถนาดีนี้ เป็นแสงสว่างนุ่มนวลแผ่ออกไปในทุกทิศ เพียงชั่วขณะหนึ่ง ทั้งกายทั้งจิต ก็หมดสิ้นเรี่ยวแรง แน่นอนแหละ ไอ้กระจอก อยากจะบินเหมือนพญาอินทรีย์ หมดสภาพในชั่วเวลาไม่นานสักเท่าไหร่ นี่แหละการฝึก เป็นการแสดงให้เห็นว่า เรายังต้องฝึกอีกมาก ในการฝึกฝนครั้งต่อๆมาก็ทำแบบช้าๆ ค่อยๆแผ่ออกไปจนสุดขอบจักรวาลในทุกๆด้าน ไม่รีบร้อนเร่งรัด ช้าๆเนิบๆ ซึ่งทำให้กินแรงหนักเข้าไปอีก แผ่ไปสุดแล้ว ค่อยๆลดลง หดลง ช้าๆ กลับเข้ามาสู่กายในกายของตนเอง ให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยทั้งทางกาย คือเหงื่อท่วมตัว และกำลังจิตที่เหมือนจะหมดเรี่ยวแรงกำลัง การฝึกแผ่เมตตาแบบนี้ ฝึกไปเพื่ออะไรนั้น ก็บอกตามตรงว่า ไม่ทราบเหมือนกัน ฝึกไปแล้วจะได้อะไรไหม ก็ต้องบอกว่าไม่ทราบอีกเช่นกัน ถ้างั้นแล้วจะฝึกไปทำไม จริงๆแล้วก็ไม่ทราบอีกเหมือนกัน เพียงแต่มีความรู้สึกว่า สรรพสัตว์ผู้โง่เขลาทั้งหลายในทุกๆจักรวาลนี้ประกอบด้วยทุกข์ เกิดด้วยทุกข์ ดำรงอยู่ด้วยทุกข์ยากหวาดกลัว และในที่สุดก็ต้องตายดับไปด้วยกันทั้งหมด วนเวียนไปไม่มีที่สิ้นสุด เป็นที่น่าสงสาร น่าเวทนานัก จึงได้แผ่เมตตาจิตไป เพื่อให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้มีโอกาสพ้นทุกข์ ประสบสุข และอาจเห็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์ได้ ในสักวันหนึ่ง หวังไว้แบบนี้ จึงได้แผ่เมตตาไปในลักษณะนี้

          มีอยู่คราหนึ่ง เมื่อพอจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากแผ่กระแสเมตตาจิตออกไปจนสุด ไปจนพ้นขอบเขตของหมู่จักรวาลทั้งหลาย คือว่าพ้นขอบเขตของหมู่จักรวาลทั้งหลายไปแล้วนี่ก็จะเห็นเป็นเพียงสภาวะว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดๆอีก ไม่มีดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ไม่มีอากาศ ไม่มีแสงสว่างอะไรใดๆเลย ซึ่งก็ไม่ใช่เสียเลยทีเดียว เพราะไกลออกไปลิบๆ กลับมีแสงสว่างเหมือนดาวประกายพรึก เกิดขึ้นเป็นกลุ่มเป็นหมู่ อยู่โดดเดี่ยวลำพัง เมื่อเข้าไปดูอยู่ห่างๆ ก็ปรากฏว่าท่านผู้มีพระคุณมาบอกว่า ที่นี่บางคนก็เรียกว่าพระนิพพาน อันนี้ผมรับฟังมาแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ เพียงแต่ว่าเป็นเรื่องเชื่อได้ยาก และก็ไม่ตรงตามความรู้ที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมา ว่าไกลขึ้นไป สูงไปกว่าชั้นอรูปพรหมจึงจะถึงพระนิพพาน มีวิมานแก้ว มีพระวิสุทธิเทพ แต่งองค์ทรงเครื่องมีชฎา อุบะ ทับทรวง เกือกแก้วปลายงอน ฯลฯ แต่ว่าจู่ๆจะมาบอกว่านี่ก็คือ พระนิพพาน แบบนี้มันแปลกๆครับ ท่านก็เลยอธิบายมาแบบนี้ว่า นี่ คุณ ผู้ที่จะเวียนว่ายตายเกิดก็ด้วยเป็นสรรพชีวิตที่อยู่ในจักรวาลทั้งหลาย มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย วนเวียนไปตามกฎของกรรมที่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายได้กระทำลงไป อย่างไรแล้วก็ไม่พ้นขอบเขตจักรวาลทั้งหลายไปได้ แต่สำหรับผู้ที่บำเพ็ญบารมีจนเต็ม ได้บรรลุธรรมขั้นสุด ได้พ้นทุกข์จากเครื่องเกาะเกี่ยวร้อยรัดทั้งหลายแล้ว ก็จึงได้พ้นจาก อนันต์จักรวาลทั้งหลายไปเสียแล้ว ไม่ต้องกลับไปเวียนว่ายตายเกิดอีก ดวงจิตที่เป็นประภัทรสรนี้ จึงได้มาปรากฏอยู่ ณ ที่แห่งนี้ เป็นที่ที่รูปนามใดๆไม่เข้าถึง สว่าง สงบ ทรงไว้ซึ่งเป็นปกติเช่นนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่มีรูป ไม่มีนาม มีสภาวะอันไม่เรียกว่าสภาวะ พ้นไปจากไตรลักษณ์เสียแล้วโดยสิ้นเชิง

          ท่านผู้อ่านทั้งหลายก็อย่าได้ถือสาหาความเอาจากนิทานขี้โม้ ที่คนบ้าๆบอๆเขียนขึ้นมา เพียงเพื่อบันทึกเรื่องราวที่เคยผ่านเข้ามาในช่วงหนึ่งของชีวิต ที่ไม่เคยเล่าที่ไหนให้ใครฟังมาก่อน เพราะมันพิสดารมากเกินไป จะว่าไปแล้วก็เกินกว่าจินตนาการทั้งหลายที่คนบ้าอย่างกระผมจะพึงมี อ่านแล้วก็ผ่านๆไปนะครับ อย่าไปถือเอาเป็นจริงเป็นจัง จะทำให้เป็นทุกข์ใจ อ่านเอาบันเทิงเท่านั้นก็พอ สวัสดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้