บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มกราคม, 2019

อภิญญารักษาโรค

รูปภาพ
อภิญญารักษาโรค           ผมเคยสงสัยเรื่องการใช้สมาธิรักษาโรค การใช้พลังจิตรักษาโรค ทำได้อย่างไร ทำกันอย่างไร ทำได้ขนาดนี้ โรงพยาบาลก็ไม่ต้องมีก็ได้? ถ้าใช้สมาธิอภิญญารักษาโรคต่างๆได้หมด ในครั้งพุทธกาลจะมีหมอชีวกฯไปเพื่ออะไร? ทำไมแม้แต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงคุณสูงสุด มีอภิญญาสูงสุด ก็ยังมีการประชวรและยังต้องมีหมอชีวกฯคอยดูแลถวายพระโอสถ? ทำไมคนที่รักษาโรคด้วยพลังจิตอภิญญาแล้วต้องรับทุกข์รับโรคของคนป่วยเข้าตัว จนมีการบอกให้ทำบุญมากๆ ทำสมาธิภาวนามากๆ บริจาคเยอะๆ ไม่งั้นโรคภัยเคราะห์กรรมทั้งหลายจะเข้าตัว ทำให้ป่วย ทุกข์ยากลำบากฯลฯ ก็ทั้งๆที่เป็นการช่วยเหลือคนที่เขาเป็นทุกข์ มันต้องได้บุญ เมื่อได้บุญก็ต้องมีความสุข สุขภาพแข็งแรง มิใช่หรือ? ถ้าการรักษาโรคให้กับคนป่วยที่เป็นทุกข์ขนาดนั้นแล้ว กรรมจะเข้าตัวด้วย เจ้ากรรมนายเวรจะมารุมเล่นงานด้วย แบบนี้พวกที่เป็นหมอเป็นพยาบาล ทั้งเมืองไทยและเมืองนอก ไม่ต้องรับผลกรรมต่างๆ ถูกเจ้ากรรมนายเวรตามเล่นงานหรอกหรือ?            ท่านผู้อ่านอาจจะอยากด่าความขี้สงสัยของผมก็เป็นได้ ความเป็นคนคิดนอกคอก ตะแบง สีข้างถู แต่ผมก็เชื่อว่าหลายๆ

อุทิศส่วนกุศลให้ได้อานิสงส์สูงสุด

รูปภาพ
อุทิศส่วนกุศลให้ได้อานิสงส์สูงสุด           เวลาทำบุญก็ดี ทำทานก็ดี หรือจะสวดมนต์ เจริญภาวนาทั้งหลาย จบลงด้วยการแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล เราท่านทั้งหลายก็เคยทำกันมาอย่างเป็นปกติ สมัยวิชาพุทธศาสนาตอนมัธยม พระท่านมาสอน ก็แนะนำให้แผ่เมตตา เป็นร้อยกรองว่า “ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล บุญกุศลแผ่ไปให้ไพศาล ถึงบิดรมารดาครูอาจารย์ ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน คนเคยร่วมเคยรักสมัครใคร่ จงมีส่วนได้บุญกุศลผลของฉัน ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัญ ขอให้ท่านได้กุศลผลนี้เทอญ” หลังๆมาเห็นว่า คนเคยร่วมเคยรักสมัครใคร่ ฟังดูแล้วมันออกจะไม่สุภาพสักเท่าไหร่ บางคนจะคิดมากไปได้ ทั้งที่จริงๆแล้วก็คงหมายถึงแฟนนานุแฟนทั้งหลาย เหล่าภรรยาทั้งปวง การอุทิศให้ก็สมควรอยู่นะ แต่ก็เอาเถอะครับ เพื่อความสบายใจ บางท่านก็เปลี่ยนไปเป็นว่า คนเคยร่วมทำงานการทั้งหลาย คำว่าหลายก็พอสัมผัสกับคำว่าได้ในวรรคถัดไป           มีการแผ่อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปทั่วทั้งจักรวาล ทุกทิศทุกทางให้กับสรรพสัตว์และดวงวิญญาณทั้งหลาย แล้วก็ยังมีการแผ่เมตตาให้กับสามภพภูมิ หรือว่า สามแดนโลกธาตุ บางท่านก็มีการสัพเพฯให้กับดวงวิญญาณเร่ร่อนให้เปลี่ยนภพภูม

คาถาพระยายม วาระที่2

คาถาพระยายม วาระที่2           วันที่พี่ชายผมผ่าตัดสมองเป็นครั้งที่ 2 เส้นประสาทขาดไป 6 เส้น นอนไม่รู้สึกตัว เหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ 45 วัน หมอไม่รับรองว่าชาตินี้จะฟื้นคืนสติมาได้หรือไม่ หรืออาจจะเป็นคนพิการ เพ้อ ติดเตียงอยู่แบบนี้ตลอดไป           ห้องนอนเป็นห้องพิเศษรวม เตียงตรงข้ามเป็นพระภิกษุอาพาธ เตียงเยื้องๆไปโดนตัดขาถึงหัวเข่ายังไม่รู้สึกตัว สมองยังสั่งให้ขาแขว่งอยู่ แต่ว่าขามันไม่มีจะแกว่งแล้ว นอนเรียงกันไป2แถวๆละ4เตียง พี่ชายนอนริมทางเข้าออกประตู เดินผ่านประตูเข้าไปจะเห็นขวามือมีหิ้งพระติดอยู่กับผนังกำแพง พอที่พี่ชายจะเหลียวไปเห็นพระพุทธรูปได้ อาการเจ็บปวดและเพ้อของพี่ชายนั้นรุนแรงมากขึ้นจนบางครั้งพยาบาลต้องผูกแขนขามัดเอาไว้กับเตียง มีสายทั้งออกซิเจนและน้ำเกลือ เจาะคอสำหรับดูดเสมหะ สายระโยงรยางค์น่าสมเพชเวทนามาก           พี่ชายแม้จะปวดจะเพ้อ ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ จึงได้ให้จับดินสอเขียนอธิบายบนกระดาษ ได้ความว่าเห็นผีเดินไปเดินมาบ้าง เห็นเตียงตรงข้ามจะมาฆ่าบ้าง เห็นพยาบาลที่มาเปลี่ยนถุงเลือดให้นั้นจะมาฆ่าโดยเอาถุงซอสมะเขือเทศมาแทนถุงใส่เลือด เห็นพระพุทธรู

คาถาพระยายม

คาถาพระยายม           ตั้งนะโม 3 จบ ขอบารมีองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นประธาน อริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤษี ท้าวมหาราชทั้ง๔ และพระยายมราช จากนั้นก็บริกรรมคำว่า นะโมพุทธายะ เป่าลงไปที่หัวของผู้ป่วยเบาๆ(ไม่ต้องเป่าแรง เดี๋ยวน้ำลายกระเด็น) ระวังอย่าให้ใครเห็น เดี๋ยวเขาจะหาว่าบ้า จับไปกักตัวที่แผนกจิตเวช เป่าไม่ได้ก็ใช้วิธีกำหนดจิตเอาก็พอกล้อมแกล้มไปได้เหมือนกัน           เฮียแช เป็นเพื่อนพีชายผมเอง เป็นคนดีคนนึง สนใจในพระพุทธศาสนา มีใจรักในการทำบุญสุนทาน เป็นคนสุภาพ อารมณ์ดี ขี้เล่น ตอนที่ผมกับพี่ชายบวช ก็ชวนเฮียแชมาบวชด้วย แกว่าไม่ว่างเลย งานไม่มีคนช่วยดูแล ผลัดไปเรื่อยๆ จนผมกับพี่ชายสึกออกมาแล้ว แกก็ยังไม่ได้บวช แล้วก็เกิดต้องหมั้นกับสาว หลังจากหมั้นได้ไม่กี่วัน มอเตอร์ไซด์ก็ไปล้ม เพราะขี่ไปเจอถนนที่ต่างระดับกันทำให้ล้อพลิก มอเตอร์ไซด์ไม่เป็นไรมาก แต่ตัวเองกระเด็นเข้าไปใต้ล้อหน้าซ้ายของรถเมล์ ท้องโดนล้อทับแล้วครูดไปกับถนน กระเพาะปัสสาวะแตก ไส้แตกทะลักออกทางทวารหนัก ทวารหนักฉีกขาด กระดูกสะโพกแตก หนังหน้าท้องฉีกเปิด ขนาดว่าใส่เสื้อ