สะกดวิญญาน


สะกดวิญญาน


          คนที่เห็นแก่ตัวตายไปเป็นผีก็เป็นผีที่เห็นแก่ตัว เป็นเรื่องธรรมดา สันดานไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ง่ายๆ ปกติของคนทั่วๆไปแล้ว การตายตามอายุขัย ก็ไปเสวยผลกรรมตามที่เคยได้ทำมาไปเกิดเป็นสัตว์บ้าง คนบ้าง สัตว์นรกบ้าง หรือไปเกิดเป็นพรหม เป็นเทวดาบ้าง แต่สำหรับคนที่ตายโดยยังไม่หมดอายุขัย คนพวกนี้ยังไปเกิดในภพภูมิใดๆไม่ได้ จึงต้องกลายมาเป็นสัมภเวสีผีเร่ร่อน ผีเร่ร่อนส่วนมากก็ไม่ค่อยได้ทำบุญสร้างกุศลอะไรเอาไว้ พอตายไปจิตใจที่คิดไม่ดีอย่างไร เป็นผีก็ยังคงคิดไม่ดีอย่างนั้น เป็นต้นว่าหวงของ ใครมาแตะต้องของข้าฯ เอ็งต้องเจ็บป่วยตายสารพัดจะคิดจะแค้นเอา บ้างก็คิดจะเอาชีวิตคนใกล้ตัวไปอยู่ด้วย ผีพวกนี้มาอยู่ใกล้ๆก็สร้างความอึดอัดคับข้องใจได้ มาอยู่แล้วก็สร้างบรรยากาศแปลกๆให้กับบริเวณบ้านก็มี จนเป็นเหตุให้บางครั้งจำเป็นที่จะต้องสะกดวิญญานเอาไว้

          วันลอยอังคาร ขณะที่กำลังทำพิธีอยู่นั้น ก็ปรากฎว่ามีวิญญานมายืนอยู่ข้างๆห่อผ้าที่ใส่กระดูกและเถ้าเตรียมสำหรับจะลอยลงทะเลที่ปากอ่าว เวลานั้นก็กำหนดจิต ขออาราธนาบารมีครูบาอาจารย์เป็นที่ตั้ง จากนั้นก็อาศัยกำลังจิต บีบบังคับย่อส่วนวิญญานนั้นลงไปให้เหลือขนาดเท่าฝ่ามือ จากนั้นก็ย้ายมาลงที่ห่อผ้าดิบ ผนึกเอาไว้ด้วยยันต์ที่เขียนด้วยกำลังจิต ที่ผมทำจะเป็นเส้นสายสีแดงฉาน ก็โดยอาศัยกสิณไฟเป็นที่ตั้ง สร้างเป็นตาข่ายยันต์ ห่อหุ้มเถ้ากระดูกพร้อมกับดวงจิต ดวงวิญญานของผู้ตาย จากนั้นจึงทำการอธิษฐานกำกับไปว่า ขอฝากดวงจิตดวงวิญญานของ...... เอาไว้กับเทพยดาทั้งหลาย ณ ที่แห่งนี้ ขอได้โปรดอย่าให้ดวงวิญญานนี้ ไปจากสถานที่แห่งนี้ จนกว่าจะถึงวาระที่หมดอายุขัย เพื่อให้ไปเสวยผลบุญตามที่ได้กระทำเอาไว้ ขออาราธนาท้าวมหาราชทั้งสี่ โปรดสงเคราะห์ให้บริวารที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ได้เฝ้าดู กำกับ บังคับ ดวงวิญญาณนี้ไม่ให้ไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ เป็นการตั้งสัจจะลงไปในคำอธิษฐานอีกทีหนึ่ง

          ทำแบบนี้ก็ดูเหมือนจะโหดร้ายไปสักหน่อย เพราะดวงวิญญานของสัมภเวสีนี้ก็ยังมีหิว กระหาย ยังอยากได้เครื่องเซ่นเครื่องสังเวย เหมือนอย่างคนทั่วๆไป ทำแบบนี้แล้วก็จะออกไปหากินเครื่องเซ่นตามวันตรุษ วันสารท ไม่ได้ ส่วนผลบุญที่อุทิศส่วนกุศลให้นั้นก็ยังสามารถได้รับอยู่

          เรื่องนี้ได้ไปกราบเรียนพอจ.ที่เคารพ ท่านก็ว่าโยมโหดร้ายไปสักหน่อย น่าจะเทศนาโปรดให้เป็นสัมมาฑิฐิสัก 3-5 รอบก่อน ถ้าไม่ยอมแล้วค่อยสะกดวิญญาณ เมื่อเรียนให้ท่านทราบถึงพฤติกรรมและความต้องการของวิญญานตนนี้แล้ว พอจ.ก็บอกว่า การสะกดแบบนี้ป้องกันไม่ให้มารบกวนโยมได้เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆยังอาจถูกรบกวนได้ (อันนี้ก็สงสัยอยู่ เพราะเท่าที่มองดูนั้น ดวงวิญญานยังถูกสะกดอยู่ใต้ทะเล ไม่สามารถออกไปไหนได้ อย่างนี้แล้วจะไปรบกวนใครได้อีก?)

          พอจ.ท่านว่า ถ้าเหลือเกินจะโปรดแล้ว ก็ให้อธิษฐานขออนุญาตจากเทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย แล้วก็ขออัญเชิญกรรมทั้งหลายที่ดวงวิญญานนี้ได้กระทำไว้ ให้มารวมตัวกัน ณ เวลานี้ เพื่อให้ดวงวิญญานนี้มาเสวยผลของกรรม แล้วขออัญเชิญผู้ที่มีหน้าที่มานำเอาดวงวิญญานนี้ไปรับผลกรรมของเขาเถิด ด้วยวิธีการนี้ก็จะทำให้วิญญานนี้ไปเสวยกรรม แล้วก็จะไม่สามารถกลับมาตามรังควานคนรอบข้างได้ ตรงนี้ก็ได้กราบเรียน พอจ.ไปว่า ผมได้เล็งดูผลของกรรมแล้วว่า หากใช้วิธีนี้แล้ว วิญญานดวงนี้จะต้องไปเสวยกรรม ณ อเวจีมหานรก ดังนั้นจึงไม่ได้กระทำการอธิษฐานลงไปแบบนั้น ด้วยรู้สึกเมตตาสงสาร ยังไม่อยากให้ต้องไปเสวยกรรม ที่หนักหนาสาหัสถึงเพียงนั้น พอจ.ท่านนั่งพิจารณาสักพักหนึ่ง ก็กล่าวขึ้นว่า กรรมของใครทำสิ่งใดไว้ สักวันหนึ่งเขาก็ต้องรับกรรมนั้นอยู่ดี จะช้าหรือเร็วก็ตาม แม้เราอยากจะช่วยก็ช่วยไม่ได้ อันนี้ผมก็เห็นด้วยกับพอจ.ทุกประการ

          ว่าด้วยเรื่องการสะกดวิญญานนี้ จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เป็นเรื่องยากอะไร เพียงแต่ผู้ฝึกต้องมีกำลังใจในการฝึกมาพอสมควร พอที่จะกระทำการต่างๆนี้ในโลกวิญญานได้ สำหรับท่านที่ไม่ได้ฝึกฝนมา ก็อาจจะดูว่ายากเกินไป ไม่น่าจะทำได้ หากเป็นเช่นนั้นแล้วจะทำอย่างไร? อันนี้ก็มีคนถามมาเหมือนกัน ก็ได้ตอบไปว่า “ให้ฝึกสิครับ” จะยากแค่ไหนกันเชียว คนเรามีสองมือ สองเท้า หนึ่งสมอง มีเหมือนๆกัน ฝึกไปจะกี่เดือนกี่ปี ก็ฝึกมันไป สักวันหนึ่งข้างหน้าก็ย่อมทำได้เองนั่นแหละ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้