กรรม มันก็ขึ้นกับปัญญาของแต่ละคน

 


กรรม มันก็ขึ้นกับปัญญาของแต่ละคน

          ป้าคนหนึ่ง ป่วยเป็นมะเร็งปอด รักษาจนลามไปสมอง หมอก็ยกเลิกโครงการทดสอบยาไปแล้ว คือปล่อยให้ตายไปเอง ให้กลับบ้านแล้ว ลูกๆก็ทุกข์ใจมาก อยากให้แม่หาย ทั้งที่ก็ทำใจแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ แม่อ้าปากทานอาหารไม่ค่อยได้ กลืนอาหารไม่ค่อยได้แล้ว แขน ขา ต้นคอ เริ่มเกร็งแข็ง

          มีสองทางเลือกคือ ปล่อยตามอาการ Full Medicine . No CPR คือปล่อยให้ไปตามปกติ ไม่นานก็เสียชีวิตไป อีกทางคือ การดูแลแบบประคับประคอง เพื่อให้มีชีวิตยาวนานขึ้นหน่อย ซึ่งก็อาจจะอยู่ได้อีกหลายเดือน เคสนี้ลูกๆเลือกแนวทางหลัง โดยใช้เซรั่มสกัดชิงเฮา+กัญชา ฟีดให้ทางสายยาง ครั้งละ 10 ซีซี ก่อนนอน อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มกลับมาพูดได้ จำลูกหลานได้ หน้าตาสดชื่น จนลูกๆเริ่มมีความหวังว่าแม่จะกลับมาหายดีเหมือนเดิมได้ มีพี่เลี้ยงที่คลินิกคอยดูแล ลูกๆไปเยี่ยมได้บ่อยๆ แม่ก็ดูเหมือนจะแข็งแรงขึ้นแล้วก็เริ่มอยากจะกลับมาอยู่บ้าน....

          วันนั้นผมได้ไปเยี่ยมถึงเตียง มองไปที่ป้าก็เห็นเป็นวิญญาณของผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ30เศษ นั่งทับอกป้าอยู่ มองดูไปก็เห็นว่าวิญญาณนี้ไม่ใช่วิญญาณที่มีจิตใจเลวร้าย ตอนมีชีวิตอยู่ก็เป็นคนดี ทำไมเวลานี้จึงมานั่งทับอกป้าแบบนี้ เขาก็บอกว่า ผมเป็นเจ้ากรรมนายเวรครับ ในอดีตเคยทำร้ายผมไว้มาก ใช้งานผม เฆี่ยนตี ไม่ปราณี เจ็บปวดทรมานอยู่หลายปี บอกมาแบบนี้ก็ค่อนข้างจะงง พอมองย้อนไปก็เห็นวัวหนุ่มตัวหนึ่ง ถูกเฆี่ยนตีด้วยไม้เรียวอันใหญ่ เป็นอันว่าตอนนั้นไม่ใช่คน แต่ว่าตอนที่เห็นเวลานี้เป็นคน เพราะเป็นอาทิสมานย์กาย ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีครีม กางเกงขายาวสีดำ นี่ก็แปลกดีเหมือนกัน ท่านผู้อ่านก็คิดเสียว่าเป็นนิทาน ผ่านการมโนฯของคนบ้าก็แล้วกันนะครับ เวลานั้นก็เลยขอว่า ให้ออกมานอกร่างกายป้าก่อนได้ไหม เพราะกดทับแบบนี้ ป้าก็ได้รับความลำบากมาก เขาก็บอกว่า ไม่ได้หรอกครับ เป็นกฎของกรรมที่จะต้องได้รับ และการที่จะปล่อยให้ตายง่ายๆก็คงไม่ได้ ต้องได้รับทุกข์เวทนาให้สาสมแก่กรรมที่ตนก่อเอาไว้

          เวลานั้นก็รู้สึกสงสารป้าพอสมควร จึงได้ตั้งจิตระลึกถึงบารมีครูบาอาจารย์เอาไว้เป็นหลักแล้วแผ่กระแสอำนาจเป็นแสงสว่างสาดส่องจากหัวของป้า ไล่ไปจนสว่างจ้า ทั่วไปทั้งตัว เวลานั้นวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรอยู่ไม่ได้ ต้องถอยออกมา แล้วลอยอยู่เหนือร่างของป้า สูงไปสักเมตรกว่าๆ เหมือนลอยอยู่แถวเพดานห้อง อาการทุกขเวทนาที่เบียดเบียนกายก็เบาลงอย่างเห็นได้ชัด 

          พอตกกลางคืน พี่เลี้ยงที่เฝ้าป้าอยู่ก็บอกว่า ป้ามองขึ้นไปบนเพดาน แล้วก็เอามือไขว่คว้า เหมือนมีอะไรลอยอยู่ พอคืนที่สองที่สามก็เป็นแบบเดียวกัน จนพี่เลี้ยงเริ่มหวาดกลัวว่า ป้าเป็นอะไร ป้าเห็นอะไร มีอะไรรึป่าว?

          มีบางคนต้องตายเพราะเจ้ากรรมนายเวร และมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ตายเพราะเจ้ากรรมนายเวร เนื่องจากต้องการทรมานให้สาสมแก่ใจเสียก่อน ถ้าจะมองด้วยสามัญปัญญาก็จะเห็นว่าเป็นทุกข์ น่าสงสารมาก ผมได้แต่บอกลูกๆของป้าไปว่า นี่เป็นโอกาสดีแล้วนะ ที่เราจะได้ตอบแทนบุญคุณแม่ ได้ดูแลแม่ในยามเจ็บป่วย ผลบุญที่เกิดจากความกตัญญูนี้มีอานิสงค์มาก แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงตรัสสรรเสริญว่าเป็นบุคคลที่หาได้ยาก คนที่มีผลบุญจากความกตัญญูนี้ชีวิตไม่ถึงความวิบัติฉิบหาย ดังนั้นถ้าเรามองว่านี่คือเจ้ากรรมนายเวรเบียดเบียนเอา เราก็เป็นทุกข์เปล่าๆ แต่ถ้าเรามองว่านี่เป็นโอกาสให้แม่ได้ทำบุญมากๆ ทำบุญบ่อยๆ ได้ฟังธรรมะ ส่วนลูกๆก็ได้แสดงความกตัญญูกตเวที มองแบบนี้จะเป็นบุญเป็นกุศลมากกว่า ดูแลแม่ให้เต็มที่นะ พาแม่ทำบุญ จับเงินใส่มือให้แม่อธิษฐานถวายสังฆทานก็ได้ ปล่อยปลาไหลให้แม่ที่ยังรับรู้ได้ ได้โมทนา นี่แหละโอกาสที่ดีแล้ว

          ผ่านไปกว่าสัปดาห์ อาการของป้าก็เริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม อ่อนแรง เพลีย แต่ก็หยุดไขว่คว้าหาอะไรในอากาศแล้ว ผมผ่านไปดูก็เห็นว่า วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรกลับมาทับร่างอีกแล้ว ตอนนี้นอนทับตั้งแต่คอลงไป ขยับแขนได้บ้าง แต่ก็เหมือนมีอะไรหนักๆมากดทับ ป้าก็จะอ่อนแรง ขยับตัวไม่ค่อยไหว หายใจไม่ค่อยออก ปวดแบบแน่นๆ ก็น่าสงสารมาก สิ่งที่พอจะทำให้ได้คือแผ่เมตตาให้ไปทั้งป้าทั้งดวงวิญญาณนั้น ผ่านมาอีกหลายวัน ก็แวะไปดูใหม่ ไปด้วยอาทิสมานย์กายนี่แหละ วิชาที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนเอาไว้ เห็นเจ้ากรรมนายเวรก็ยังทับอยู่เหมือนเดิม จึงได้ขอว่า ป้าได้รับทุกขเวทนามาจนถึงเวลานี้ก็นับว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ก็จะขออุทิศส่วนกุศลให้คุณไปยังภพภูมิที่ดีกว่านี้ ปล่อยป้าแกไปเถอะ แกก็รับปาก พอแผ่เมตตาเสร็จ แกก็ลุก แล้วเดินหายไปทางปลายเท้าป้า อีก2วันต่อมา ป้าเข้าโรงพยาบาล หัวใจเต้นแรง เหนื่อยหอบ หมอให้มอร์ฟีน 7 โมงเช้า ประมาณ เที่ยงก็สิ้นใจ เป็นอันว่าหมดวาระกันไปในชาตินี้

          นิทานเรื่องนี้จะบอกว่า การที่เจ้ากรรมนายเวรมาบีบบังคับไว้ให้ทรมาน ไม่ยอมตายนั้น ถ้าเราใช้โอกาสนี้ในการสร้างความดี เราก็จะมีเวลาหลายเดือนได้สร้างความดี ถ้าเรามัวแต่โทษเวรโทษกรรมไม่ทำอะไรที่เป็นกุศล มันก็สูญเปล่า ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ ก็ขอให้ท่านทั้งหลายเลือกเอาว่า ท่านจะเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมหรือท่านจะเกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมี ท่านจะมีเป้าหมายในชีวิตชาตินี้หมกมุ่นอยู่กับเวรกรรม หรือจะหมกมุ่นในการบำเพ็ญบารมีทั้ง10ประการ ท่านก็เลือกเอาครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตราวุธในโลกวิญญาณ

กรรมมันหนีไม่ได้หรอก

บทนำ นิทานขี้โม้